หัวอกของพ่อแม่ยิ่งโตยิ่งห่วง ลูกยิ่งโตยิ่งห่าง
คนเราทุกวันนี้ยิ่งมีวิชาความรู้มากยิ่งไกลจากพ่อแม่มาก ยิ่งศึกษาสูงเท่าไร ยิ่งทอดทิ้งพ่อแม่มากขึ้นเท่านั้น ต่อไปพ่อแม่จะต้องเดียวดาย เพราะเขาไม่ศึกษาธรรมะ เขาไม่ศึกษาเรื่องพระพุทธศาสนา…เรื่องกตัญญูรู้คุณ เขามัวศึกษาแต่ความเจริญทางวัตถุ เขาจะต้องทอดทิ้งให้เราเป็นคนแก่ที่ไร้สาระ ถูกทอดทิ้งให้ลำบาก
สมัยก่อนคนเราไม่ได้มีการศึกษาอะไรกันมาก คนจะรักพ่อรักแม่ ดูแลพ่อแม่ยันตาย ถ้าเราศึกษามากเท่าไรเราต้องศึกษาธรรมะมากเท่านั้น ให้ธรรมะเจริญในใจของเราจนเกิดความรู้ความเข้าใจ เราจะได้ไม่ทอดทิ้งผู้มีพระคุณ
อย่าไปกังวลว่า ถ้าคุณจากไป อะไรจะเกิดขึ้น… เพราะเมื่อกลายเป็นผงธุลีไปแล้ว ใครเขาจะยกย่องชื่นชมหรือตำหนิประณามอย่างไร คุณจะไปรู้สึกรู้สาอะไรได้ลูกของคุณเขาจะเป็นอย่างไร…ก็อย่าเป็นห่วงให้มากนัก พวกเขา ต่างก็มีจุดหมายและหนทางชีวิตของตนเอง
ตายไปแล้ว…คุณก็ยังไม่เลิกเป็นทาสของลูกๆ อีกหรือ อย่าคาดหวังอะไรมากจากเด็กๆ ต่อให้คุณชุบเลี้ยงใคร ไว้ดูแลคุณ ยามแก่เฒ่า เขาก็ต้องวุ่นวายกับการงานและภาระผูกพันต่างๆ เกินกว่าจะมีเวลามาช่วยเหลือ ดูแลอะไรคุณได้มากนัก
ส่วนลูกจริงๆ นั้น ก็อาจจะกำลัง ทะเลาะกัน เพื่อแย่งทรัพย์สมบัติของคุณอยู่ ทั้งๆ ที่คุณยังมีชีวิตอยู่ก็ได้
ดีขึ้นมาหน่อย ก็อาจจะแค่แอบ ภาวนาให้คุณอย่าใช้เงินให้มากและรีบจากไปเสียเร็วๆ อย่างนี้ก็มีให้เห็นอยู่ถมไป คุณไม่รู้หรอกหรือว่า..บรรดาลูกๆ เขาถือว่า ทรัพย์สมบัติของคุณเป็นสิทธิ์ขาดของเขาไปแล้ว คุณจึงไม่มีสิทธิ์จะไปกำหนดอะไรได้เลย ในเงินที่เป็นของเขา…เข้าใจไหม?
คนอายุเกิน ๖๐ อย่างคุณ ต้องเลิกเอาสุขภาพไปแลกกับความร่ำรวยได้แล้ว มีเงินเท่าไรก็ซื้อสุขภาพคืนมาไม่ได้ คุณตอบได้ไหมว่า จะหยุดหาเงินเมื่อใด…เท่าไหร่คุณถึงจะบอกว่าพอแล้ว…ร้อย พัน หมื่น ล้าน สิบล้าน…พอรึยังไม่ทราบ ?
ต่อให้คุณมีไร่นานับพันไร่ คุณก็กินข้าวได้แค่วันละสามจาน แม้นมีคฤหาสน์นับพันหลัง คุณก็ต้องการพื้นที่หลับนอนยามค่ำคืนเพียงแปดตารางเมตร ดังนั้น..ตราบใดที่คุณยังมีข้าวปลาอาหารกินอย่างเพียงพอ มีเงินพอใช้สอยได้ทุกวัน เพียงเท่านี้ก็ดีเหลือหลายแล้วอายุเท่านี้แล้ว คุณควรอยู่อย่างเป็นสุข ทุกบ้านต่างก็มีปัญหาของตนเอง อย่ามัวไปคิดเปรียบเทียบ แก่งแย่งแข่งดีกัน ไม่ว่าชื่อเสียง ฐานะในสังคม หรือความก้าวหน้าของเด็กๆ ฯลฯ
สิ่งที่ควรจะแข่งกัน ท้ากันจริงๆ นั้น คือแข่งกันมีความสุข แข่งกันมีสุขภาพดีและอายุยืนนาน
ส่วนอะไร ที่เราเปลี่ยนมันไม่ได้ ก็อย่าไปฝังอกฝังใจให้ป่วยการและทำลายสุขภาพตัวเองเลย อายุป่านนี้แล้วก็ยังเปลี่ยนมันไม่ได้เลยหลัง ๖๐ แล้วอย่างนี้ คุณต้องค้นหาหนทางของคุณเองที่จะสร้างชีวิตที่เป็นอยู่ดีๆ และสุขสดใสขึ้นมาให้ได้
ตราบใดที่มันทำให้คุณอารมณ์ดี คิดถึงแต่สิ่งที่ทำให้เป็นสุข ทำอะไรก็สุขสนุกกับมันอยู่ทุกวัน นั่นก็หมายความว่า คุณได้ผ่านวันเวลาอย่างเป็นสุขแล้วทุกวันวานที่ผ่านไป คุณจะสูญเสียไป ๑ วัน แต่ถ้ามันผ่านไปอย่างเป็นสุข วันนั้นคือกำไรชัดๆ เลย
จิตใจที่ดี จะช่วยรักษาโรคภัยได้ ถ้าจิตใจเป็นสุข โรคก็จะหายเร็วขึ้น แต่ถ้าจิตใจทั้งดี ทั้งเป็นสุขด้วยแล้วล่ะก็ ความเจ็บป่วยจะไม่มีทางมาแผ้วพานได้ด้วยอารมณ์ที่ดีแจ่มใสอยู่เป็นนิจ ออกกำลังกายให้เพียงพอ อยู่กลางแจ้งบ่อยๆ กินอาหารให้ครบหมู่ ได้วิตามินและแร่ธาตุอย่างเพียงพอ เพียงเท่านี้ก็เชื่อได้แน่นอนว่า ชีวิตที่เป็นสุข อีก ๒๐ หรือ ๓๐ ปี จะเป็นของคุณแน่นอน
เหนือสิ่งอื่นใด…คุณต้องรู้จักบ่มเพาะและเก็บเกี่ยวความสุขดีๆ จากการได้อยู่ ได้เที่ยว ได้คุยกับเพื่อนๆ เพราะเขาเหล่านี้ จะช่วยให้คุณรู้สึกเยาว์วัยและมีความหมายอยู่เสมอ ขาดพวกเขาเมื่อใด…คุณจะต้องรู้สึกสูญเสียอย่างแน่นอน
ที่มา...https://www.partiharn.com/contents/20788
หัวอกของพ่อแม่ยิ่งโตยิ่งห่วง ลูกยิ่งโตยิ่งห่าง
Reviewed by Dusita Srikhamwong
on
มิถุนายน 21, 2562
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: