ประโยชน์ของไข่เค็มเป็ดตามแพทย์แผนจีน ช่วยบำรุงสายตา แก้ร้อนในได้ แถมสูตรทำไข่เค็มเป็ดแบบโบราณ

ประโยชน์ของไข่เค็มเป็ดตามแพทย์แผนจีน ช่วยบำรุงสายตา แก้ร้อนในได้ แถมสูตรทำไข่เค็มเป็ดแบบโบราณ

ไข่เค็มเป็ด มักมีเปลือกสีอ่อนและเรียบเนียน มีหลายคนที่ชื่นชอบไข่เค็มแดงมาก เพราะว่ากลมกล่อมกำลังดีและมีกลิ่นหอมชวนรับประทาน ขนมหวานรสไข่เค็มเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น

แต่หลายคนอาจสงสัยว่าอยู่ว่าไข่เค็มเป็นมี ส า ร อาหารอะไรอยู่บ้าง และเมื่อทานแล้วดีต่อ สุ ข ภ า พ หรือไม่

ข้อดีของการรับประทานไข่เค็มเป็ด

1. มีแคลเซียมและธาตุเหล็ก

ถึงแม้จะผ่านการถนอมอาหารแล้ว แต่ก็ยังคงคุณค่าสารอาหารอยู่ ไข่แดงเค็ม มีคุณค่าทางสารอาหารใกล้เคียงกับไข่แดงสด มีโปรตีน เลซิทีน แคลเซียม ฟอสฟอรัสและธาตุเหล็ก รวมถึงวิตามินอื่นอีกเล็กน้อยที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่าย

หากนำไข่แดงเค็มไปทำให้สุก สภาพกรดไขมันจะยังไม่เปลี่ยนรูปไป แต่จะสูญเสียความชื้นไปมาก จึงทำให้มีไขมันต่อน้ำหนักมากขึ้นถึงร้อยละ 30-40 และหากผ่านการดองเค็มก็ยิ่งทำให้โซเดียมมากขึ้น สีสันและรสชาติก็จะดูสวยขึ้นจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

2.ช่วยกระตุ้นและบำรุงไต

อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะไข่เป็ดมีกลิ่นแรงกว่าไข่ไก่ การถนอมอาหารจะช่วยกำจัดกลิ่นคาวได้ ในมุมมองของแพทย์แผนจีนโบราณกล่าวว่า ความเค็มช่วยให้ไตได้ทำงาน และไข่เป็ดยังมีคุณสมบัติแก้ร้อนใน ดังนั้นไข่เป็ดที่ผ่านกระบวนการจึงช่วยกระตุ้นและบำรุงไตได้

3.ช่วยแก้ร้อนใน

ในมุมมองแพทย์แผนจีนกล่าวไว้ว่า ไข่เป็ด เค็มมีคุณสมบัติช่วยให้ชุ่มปอด แก้ร้อนใน ได้ดีกว่าไข่เป็ดสด เมื่อทำให้สุกช่วยรักษาท้องร่วงได้ น้ำมันในไข่แดงเค็มช่วยบำรุงสายตา แก้อาการอาหารไม่ย่อยในเด็ก ใช้ทาภายนอก รั ก ษ า แ ผ ล น้ำ ร้ อ น ล ว ก และผิวหนัง อั ก เ ส บ ได้

วิธีการทำไข่เค็มเป็ดแบบโบราณ

วิธีที่ 1 : เลือกใช้ไข่เป็ดสดที่มีขนาดพอดี ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ล้างเปลือกให้สะอาด จากนั้นพอกด้วยโคลนหรือดินผสมเกลือและน้ำเปล่า นำไปใส่ในขวดโหลหรือไหที่มีปากขวดเล็ก ปล่อยทิ้งไว้เกือบเดือน หลังทำให้สุกไข่แดงจะมีน้ำมันออกมา และเนื้อละเอียดน่ารับประทาน

วิธีที่ 2 : แช่ไข่เป็ดในน้ำผสมเกลือ ทิ้งไว้เกือบเดือนเช่นเดียวกัน เมื่อนำออกมาแล้วทำให้สุก รับประทานได้ทันที แต่วิธีทำให้ไข่แดงมีน้ำมันไหลเยิ้มน้อยมาก และรสชาติไม่เนียนละเอียดเท่าวิธีแรก

วิธีเลือกซื้อไข่เค็ม

ไข่เค็ม มีขายมากมายในท้องตลาด แต่จะมีวิธีอย่างไรในการเลือกซื้อไข่เค็มที่สดใหม่ และรสชาติอร่อย เรามาดูกันเลย

ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าสามารถตรวจสอบได้จาก 3 ขั้นตอนคือ

- ดูจากลักษณะภายนอกของไข่เค็ม เปลือกไข่ต้องสะอาด เรียบลื่น ไม่มีรอยแตกบิ่น เปลือกไข่มีสีอ่อน สีของเปลือกที่เป็นสีเทาหรือดำ มีจุดสีด่างหรือเข้มตามเปลือก คือ ไข่เค็มที่คุณภาพไม่ค่อยดีนัก เพราะแตกง่ายแถมยังไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน

- เขย่าเพียงเบาๆ ไม่ต้องออกแรงมาก โดยการนำไข่เค็มวางไว้บนฝ่ามือ กลิ้งไปมาเพื่อตรวจดูว่าภายในไข่มีการสั่นสะเทือนเล็กน้อยหรือไม่ หากไม่มีแสดงว่าไข่เค็มอาจเสียแล้ว

- หลังต้มสุกแล้วให้ปอกเปลือกออกมาสังเกตดูว่า ไข่แดงกับไข่ขาวแยกออกกันอย่างชัดเจน ไข่ขาวแข็งตัวปกติ ความเค็มพอดี น้ำมันไข่แดงออกมาก

สำหรับไข่เค็มที่คุณภาพไม่ดี สังเกตได้จากไข่ขาวที่ค่อนข้างเละ รสชาติเลี่ยนและเค็มจนเกินไป แนะนำว่าอย่ารับประทานไข่เค็มประเภทหลัง

ข้อควรระวังการรับประทานไข่เค็ม

แน่นอนว่าไข่เค็มนั้นสามารถรับประทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่ก็มีข้อควรระวังดังต่อไปนี้

- ไข่เค็มเป็ดช่วย แ ก้ ร้ อ น ใ น ได้ดี ถึงแม้ทุกคนรับประทานได้ แต่สำหรับสตรีมีครรภ์ ผู้ ป่ ว ย ที่มีอาการอ่อนเพลียไม่ควรรับประทานไข่เค็ม

- ไข่เค็มมี โ ซ เ ดี ย ม สู ง มาก ผู้ ป่ ว ย โ ร ค ห ล อ ด เ ลื อ ด หั ว ใ จ และ ส ม อ ง ความ ดั น โ ล หิ ต, ไ ข มั น ใ น เ ส้ น เ ลื อ ด ไม่ควรรับประทาน

- สำหรับคน สุ ข ภ า พ แข็งแรงดี ก็ไม่ควรรับประทานเกินครั้งละครึ่งฟอง และควรทานควบคู่ไปกับอาหารที่มีประโยชน์ งดทานคู่กับอาหารเค็มจัด และควรดื่มน้ำตามให้มาก

ไข่เค็ม ถือเป็นอาหารคู่บ้านคู่เรือนคนไทยมาตั้งแต่สมัยก่อน ในอาหารไทยหลายประเภทที่มีไข่เค็มมักเสิร์ฟคู่กัน เชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้จะทำให้ทุกคนสามารถเลือกบริโภคไข่เค็มได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน


ที่มา : readthis
แปลและเรียบเรียงโดย ป๋าเถิกเปิดกรุ