สูตรลูกชิ้นหมูเด้ง ทำเองได้ง่ายๆ รสชาติอร่อย ปลอดภัย ไร้สารบอแรกซ์ ทำขายยิ่งรวย

สูตรลูกชิ้นหมูเด้ง ทำเองได้ง่ายๆ รสชาติอร่อย ปลอดภัย ไร้สารบอแรกซ์ ทำขายยิ่งรวย

ต้องยอมรับว่าในยุคสมัยนี้อาหารที่ผู้คนชอบมากเป็นอันดับต้นๆ นั้นก็คืออาหารประเภทจานด่วนอาหารทานเล่น และหนึ่งในนั้นมันก็คือ ลูกชิ้น โดยทั่วไปแล้วในท้องตลาดส่วนใหญ่ ลูกชิ้น ที่เราซื้อมามักจะปนเปื้อนไปกับสารบอแรกซ์ หรือ ที่รู้จักกันในชื่อสารเนื้อเด้งนั้นเอง

วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ มาทำลูกชิ้นไว้กินเองกันรับลองว่าสะอาดปลอดสารพิษแน่นอน ส่วนวิธีการทำนั้นจะเป็นอย่างไรว่าแล้วไปชมกันเลยค่ะ มีสูตรการทำลูกชิ้นหมูเด้ง ๆ อีกสูตรหนึ่ง มาฝากครับ ลูกชิ้นสูตรนี้เนื้อจะแน่นมาก เด้งโดยที่เราไม่ต้องใส่สารบอแรกซ์ ไม่ต้องใส่สารกันบูด เราสามารถทำเองได้ที่บ้านได้เลยครับ หรือจะทำขายเสียบไม้สร้างอาชีพเสริมก็ได้

ส่วนผสมและเครื่องปรุง

เนื้อหมู (ไม่เอามัน) 1 กิโลกรัม

น้ำเย็น 1/2 ถ้วย

น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ

แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ.

ผงแอดคอท 1 ช้อนโต๊ะ (เป็นสาร ที่ช่วยทำให้เนื้อสัตว์เกาะตัวกันได้ดี ไม่เสียน้ำหนัก)

พริกไทย 1 ช้อนโต๊ะ

เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ

ผงฟูครึ่งช้อนโต๊ะ

วิธีทำลูกชิ้นหมูเด้ง

1. ให้นำเนื้อหมูมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นนำไปแช่ช่องฟรีซ ประมาณ 45 นาที หรือจนกว่าเนื้อหมูจะเริ่มแข็งนิด ๆ ให้น้ำแข็งเกาะนิดหน่อยครับ จากนั้นนำออกมาใส่โถเพื่อปั่น

2. ถ้าโถเล็ก ให้ปั่นทีละน้อย ๆ

3. นี่คือได้ความละเอียดจาการ ปั่น ครั้งที่ 1 ครับ

4. เมื่อปั่นเสร็จแล้วให้เอาไปแช่ช่องฟรีซต่อ อีกซักประมาณ 15 นาทีเพื่อให้เย็นจัด หลังจากนั้นเรามาทำน้ำปรุงรสลูกชิ้นกันก่อน

5. โดยใช้น้ำเย็นจัด มาผสมกับ ซีอิ้วขาว ครับ

6. พร้อมน้ำตาลทราย

7. ให้ใส่เกลือด้วย

8. ใส่แป้งข้าวโพดอีกครับ

9. จากนั้นใส่ผงฟู backing powder

10. แล้วตามด้วยใส่ผงแอตคอท ซึ่งตัวนี้ทำให้เนื้อสัตว์สามารถเกาะตัวกันดี จะทำให้เนื้อลูกชิ้นเราแน่นไม่เละ โดยที่ไม่มีอันตรายใด ๆ

11. จากนั้นให้ใส่พริกไทยป่นด้วย

12. แล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นเราจะนำไปใส่ในเนื้อหมูที่บดแล้วครับ

13. ต่อไปครับ ให้นำเนื้อหมูที่บดแล้วแช่เย็นโดยจัดใส่โถ ซึ่งขั้นตอนนี้ใครที่ไม่มีเครื่องนวด ก็สามารถ ใช้มือนวดได้ โดยให้ใส่เครื่องปรุงที่เราผสมไว้แล้วลงไป จากนั้นก็นวดให้เข้ากัน ถ้าใช้มือนวด ต้องใช้เวลานานหน่อย ครับ เอาฟาด ๆ กับกะละมัง เหมือนทำมันทอดครับ

สำหรับใครมีโถปั่นแล้ว ก็ปั่น นวดไป โดยให้เนื้อลูกชิ้นเนียนเหนียว จนเป็นที่พอใจ ให้ชิมรสดูก่อนครับ

14. หลังจากที่ปั่นจนเหนียว และชิมรสดูพอใจแล้ว หลังจากที่ปั่น 15 นาที ให้เอาโถไปใส่ในช่องฟรีซอีกครั้งครับ ใส่แช่อีกประมาณ 45 นาที

ทุกขั้นตอนลูกชิ้นต้องเย็นจัด ถ้าไม่เย็นจัดลูกชิ้นเราจะไม่เนียนแน่นเด้งครับ

15. เมื่อแช่ช่องฟรีซผ่านไป 45 นาที เราก็จะมาทำการปั้นลูกชิ้นกันเลยครับ ให้ตักส่วนผสมมาครั้งละนิด ๆ มาปั้น แต่ถ้าท่านใด ไม่ทำแบบนี้ ก็ให้เอาโถออกมาทั้งโถเลย ที่แช่หมูไว้ หากะละมังใส่น้ำแข็งรองระหว่างปั้นก็ได้ เพื่อให้เนื้อลูกชิ้นของเรา ได้รับความเย็นจัดอยู่ตลอดเวลาครับ ในการปั้น

16. แล้วตั้งน้ำให้ร้อน โดยที่ไม่ต้องให้น้ำเดือดครับ

17. จากนั้นมาปั้นลูกชิ้นกันเลย สำหรับมือใหม่ไม่ต้องกลัว เพราะว่า ครั้งแรก ๆ ก็อาจจะไม่สวย เป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อทำไปเรื่อย ๆ จะรู้เองครับ ว่าต่อไปจะต้องดีกว่าเดิม

ให้เตรียมช้อนแช่น้ำไว้เลยตักส่วนผสมใส่มือ จะใส่ถุงมือ หรือไม่ใส่ก็ได้ครับ แล้วแต่ สำหรับวิธีปั้นให้ เอามือ นิ้วโป้ง และนิ้วชี้ค่อยบังคับ บีบ ๆ เพื่อให้เนื้อลูกชิ้นปลิ้นออกมา ระหว่างนิ้วชี้กับ นิ้วหัวแม่มือ หลังจากที่เราปั้นได้ลูกกลมเป็นที่พอใจแล้ว ก็ให้เอาช้อนที่จุ่มน้ำมาปาดลูกชิ้นใส่หม้อน้ำต้มเลยครับ

18. ให้ทำไปจนหมดส่วนผสมเลยครับ ค่อย ๆ ปั้นไปเดี๋ยวก็กลมสวยเองครับ ส่วนลูกชิ้นก็ปล่อยไว้ในน้ำร้อนแบบนี้เลยครับ

จากนั้นต้มต่อไปอีกประมาณ 15 นาที โดยที่เราไม่ต้องเพิ่มไฟ ให้น้ำนิ่ง ๆ แบบนี้ เพื่อให้ด้านในสุกทั่วถึง ในระหว่างที่รอให้เราไปเตรียมน้ำแข็งใส่น้ำให้เย็นจัด รอไว้ก่อนเลยครับ

19. แล้วต้มไปประมาณ 15 นาที

20. หลังจากที่ครบเวลา 15 นาทีแล้ว เราก็จะตักขึ้นมาใส่ในน้ำเย็นจัดทันที เพื่อหยุดความร้อน จากนั้นรอในน้ำเย็นประมาณ 3 – 5 นาที

21. เมื่อได้เวลาแล้ว ให้เราตักลูกชิ้นขึ้นจากน้ำเย็นมาใส่กระชอน ให้สะเด็ดน้ำ แค่นี้เราก็ได้ลูกชิ้นหมูเด้ง เนื้อแน่น ๆ ไร้สารบอแรกซ์ แล้วครับ

22. เป็นเนื้อลูกชิ้นด้านในเด้ง ๆ และ เนื้อนุ่ม ๆ แน่น ๆ สูตรนี้รับรองความเด้งได้นะครับ

ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ เพียงเท่านี้เราก็ขะได้ลูกชิ้นหมูเด้งอร่อย ๆ เอาไว้ใส่ในก๋วยเตี๋ยว หรือเรา จะนำไปปิ้ง ย่าง ทำขายสร้างอาชีพเสริมก็ได้ครับ

แนะนำให้อ่าน สูตรน้ำจิ้มลูกชิ้นรสเด็ด หรือ ไปผัดกระเพราได้ทั้งนั้นครับ ถ้าหาก ทำเยอะ ก็สามารถเก็บไว้ในช่องฟรีซ เก็บได้นานครับสำหรับท่านใดที่อยู่ต่างประเทศ ลองทำกันดูครับประหยัด อร่อยมากๆ


ขอบคุณที่มาจาก : chit-in.com