สร้างวัดแค่พระพออยู่ แล้วหันมาสร้างโ ร งพย าบ าลดีกว่ามั้ย แง่คิดดีๆอย ากให้อ่าน




สร้างวัดแค่พระพออยู่ แล้วหันมาสร้างโ ร งพย าบ าลดีกว่ามั้ย แง่คิดดีๆอย ากให้อ่าน

สร้างวัดแค่พระพออยู่ แล้วหันมาสร้างโ  ร  งพย  า  บ  า  ลไม่ดีกว่าหรือ?

เรามีเรื่องราวดีๆ มาฝากทุกคน บอกเลยว่าอ่านจบล่ะ

ต้องกลับมาเหลียวมองการทำบุญของเราในทุกวันนี้

ท่านเคยคิดหรือมองมุมมุมนี้ไหมครับ

วัดมีเงินเหลือร้อยล้านพันล้าน แต่โ  ร   งพย  า  บ  า   ลมี ”หนี้ร้อยล้าน”

เข้าโ   ร   งพย   าบ  า   ลขอรับบริการฟรีๆดีๆ

เข้าวัด พระตีกระบาลแทบแ  ต   ก บอกชอบ ต้องบริจาคเงิน ”ให้เยอะๆ”

หมอรักษาจนหาย “ดีใจรอดต    า    ย”

รีบกลับไปแก้บน สร้างวัด,สร้างวิหาร,ไหว้พระขอบคุณพระ

หมอรักษาไม่ไหว ไปไม่รอดตามวัฎส   งส  า  ร กลับด่  าห ม  อ ด่  าพย  า บ  าล

ไม่ไปด่  า เ  ท  ว ด   าที่บนไว้

มาคิดใหม่ ทำใหม่

สร้างวัด สร้างวิหารแค่พระพออยู่

แล้วมาสร้างโ  ร งพย  าบาลที่ดี มีเครื่องมือแพทย์ทันสมัย

รักษาคนป่  ว   ยให้หายไวๆ

ดีกว่าไหมครับ?

ทั้งนี้เรามาสรุปปัญหาที่เกิดขึ้น ระหว่างการสร้างวัด

สร้างโรงบาลปัญหาเรื่องที่ว่า การทำบุญให้โรงพ ย   า  บาล

กับการทำบุญให้กับวัด อะไรดีกว่ากัน ?

เรามาถึงยุคที่คนไ  ท  ยไม่เข้าใจกันเ  สี   ยแล้ว ว่าการทำบุญบริจาคให้กับวัด

ทำเพื่อประโยชน์อะไร ? ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะมีวัดหลายแห่ง

นำศรัทธามาขาย แต่ไม่ผูกโยงไว้ด้วยปัญญา เช่น สอนกันว่าเงินซื้อนิพพานได้

หรือไม่ก็เน้นกันที่เครื่องรางของขลัง พิธี ก  ร ร   ม สิ่งศักสิทธิ์ มีศรัทธา

เป็นเหยื่อ แต่ไม่ใช้ปัญญา ทำให้คนไ  ท  ยเริ่มห่างวัดมากขึ้น จนท้ายที่สุด

คนไ  ท  ยหลายคนอาจกลายเป็น “คนเ   ก  ลี  ย   ดวัด” ไปโดยปริย  า   ย

ผนวกกับแนวคิดแบบสุดโต่งทางวิทย   า  ศาสตร์ที่เชื่อว่า…!!โ  รงพย   าบาล

เป็นสถานที่อันประเสริฐในการช่วยรักษามนุษย์ให้หายขาดจากความ

“เ จ็   บป่   วย” จึงให้คุณค่าของโ  รง  พย   าบาลดูสูงส่งมากกว่าวัด

ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันว่า ทำบุญสร้างโบสถ์สร้างวัด

กับทำบุญสร้างโ  ร  งพย   าบาล อะไรดีกว่ากัน.. ?

ง่ายนิดเดียวสำหรับคำถามนี้ เราแค่ต้องขบคิดให้แ  ต   ก ฉ   านเ   สี  ยก่อนว่า

โ  ร  งพย  า  บาลมีความสาม  า   รถอะไรที่วัดไม่สาม   า  รถกระทำได้

และ วัดมีความสาม  า   ร    ถอะไรที่โ  ร  งพ ย  า  บาลไม่สาม  า  รถกระทำได้บ้าง ?

โ  ร งพย า บ   าล อาจรักษาคนที่  ป่   ว ยไ   ข้ทางก  า  ยได้

แต่โ  รงพย  า  บาลไม่สาม  า   รถสมานแผลทางจิตใจได้

โ  รงพย  า บ   าลไม่ได้ช่วยให้มนุษย์รู้จักละความโลภ โกรธ หลง

เช่นเดียวกับที่วัดไม่สาม  า   รถรักษาโ  ร   คทางกาย

ในเชิงวิท ย   าศาสตร์แบบที่โ   ร  งพย  าบาลสาม   า  รถทำได้

โ   ร งพย  าบาลอาจยื้อชีวิตมนุษย์ให้ยืดย  าวออกไป แต่โ   ร งพ ย  าบาล

ก็ไม่ได้บอกความจริงกับมนุษย์ว่า ร่างกายนี้เป็นของชั่ ว  คราว

ถ้าเราไปยึดมันมาเป็นของเราอย่างถาวร เราจะเป็นทุ   ก  ข์…

โ  ร งพย  าบาลไม่ได้บอกเราแบบนี้หน้าที่ของโ ร  งพย  าบาล

คือ ทำยังไงให้ร่างกายนี้ยังคงทำงานต่อไปให้ได้นาน

และมีประสิทธิภาพที่สุด

วัด รักษา “โ  ร   ค” ทางกายแบบโ  ร งพ ย  าบาล
ไม่ได้ แต่วัดช่วยเ  ยี ย  วย   า

“ความทุ  ก   ข์” ในใจคนได้ ซึ่งวัด (ที่ดี) จะสอนให้คนไม่ยึดเ  อ   าอดีต

ที่เ  จ็  บป   ว   ด มาเป็นธ  นู ด   อ  กที่สอง ซึ่งคอยทิ่มแ ท   งเราก่อนนอนทุกคืน

วั ดไม่สาม   า  รถช่วยให้เราปราศจาก “โ   ร  ค”

แบบโรงพย  าบาลได้ แต่วัดช่วยให้เราหมด “ภั  ย” ด้วยการรู้จักให้ “อ   ภั ย” ได้

ซึ่งแ   ต ก  ต่างจากโ  ร  งพย  าบาลที่ช่วยให้เราหมด “โ  ร   ค”

แต่อาจไม่หมด “ภั   ย” อีกทั้งวัดยังช่วยให้เราเบิกบาน

จากการมีสติ ไม่เ  อ   าเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคตมาเป็นบ่วงรัดคอตน

ทีนี้ ทำบุญบริจาคกับวัด หรือ ทำบุญบริจาค

กับโรงพย   าบาล ควรเลือกอย่างไหน ?

: ควรเลือกทั้ง 2 อย่าง ถ้าเราลองพิจารณาอย่างถี่ถ้วน

แล้วก็จะพบว่า สังคมเราต้องการทั้งโ   รงพย   าบาลและวัด

เราต้องการทั้งสถานที่ ๆ เยียวย  า ทั้ง “ร่างกายและจิตใจ”

พุทธองค์แสดงให้เราเห็นเป็นตัวอย่างโดยการถนอมร่างกาย

เ   อ   าไว้เพื่อทำคุณประโยชน์แก่โลก

(พุ ท ธเจ้าจึงไม่ดื่มเ  ห   ล้  า เ   ส  พ   ของเ ม     า และละทิ้   งการท  รม   า   นต  น)

เราก็ควรจะเ  อ   า  เยี่ยงอย่าง หากเราเ   จ็  บป่  ว   ยก็เข้าโร  งพย   า บ   าล

มันเป็นไปตามธรรมชาติของมัน

มีเกิด มีแก่ มีเ  จ็    บ มีต   า  ย เราก็รักษาร่างกายไปเพื่อหวังว่า

จะมีพรุ่งนี้ที่ได้ทำคุณประโยชน์ต่อโลก ต่อผู้อื่น

ได้ทำหน้าที่ ที่ยังค้างคาอยู่ ทั้งหน้าที่ของพ่อ แม่ สามี ภรร ย  า

หน้าที่ของลูก และหน้าที่การงาน โดยไม่ต้องหวัง

ที่จะหอบสังขารหนีจากความต   า   ย เพราะมันเป็นไปไม่ได้

ในส่วนของ จิตใจ ที่พึ่งพิงอาศัยอยู่ในกาย ทั้งยังมีอำนาจ

อยู่เหนือกายด้วย “จิต/ใจ เป็นนาย กายเป็นบ่าว”

ถ้ามนุษย์ไม่พึงพัฒนาให้มี จิต/ใจ ที่ดีงาม ปราณีต

ชีวิตก็จะมีแ ต่  ก  า  ยที่เที่ยวทำตามแต่ตัณหา อันมีกิเลสเป็นเหยื่อล่อ

โลกก็จะลุกเป็นไฟจากการเบียดเบียนกัน

โดยหวังเพียงเพื่อแสวงหาความสุขนอกกายเป็นสำคัญ

ทีนี้บางคนอาจเถียงว่า “ชีวิตฉันไม่ต้องมีวัด

จิตใจฉันก็ประเสริฐอยู่แล้ว” ก็ต้องบอกว่า

ขออนุโมทนากับท่านที่เกิดพุทธิปัญญาแบบนี้ได้โดย

ไม่ต้องเข้าวัดหรือไม่ต้องศึกษาพระธรรม แต่อย  า  กจะร้องขอ

ให้ท่านมีความเมตตาต่อสัตว์โลก ที่ยังไม่สาม  า  รถก้าวข้าม

ความทุ  ก   ข์ไปสู่ทางพ้นทุ  ก  ข์ได้ แต่ละคนมีสติ

และปัญญาไม่เท่ากัน ได้โปรดเห็นใจและช่วยเหลือสั  ต   ว์โ  ล  ก

ที่มีปัญญาไม่เท่าพวกท่านด้วย “ท่านอาจไม่ต้องการวัด

แต่คนอื่น ๆ อาจต้องการวัด”

ท้ายที่สุดคงต้องมองดูการบริจาคด้วย

‘สติ’ และ ‘ปัญญา’ โดยคำว่า

“บริจาค” มาจากคำว่า ‘ปริจจาคะ’ หมายถึงการเ  สี   ยสละ

แต่ถ้าจะพูดให้แลดูไม่ถูกเ อ  า  เปรียบนัก อาจต้องใช้คำว่า

“เผื่อแผ่” และก็คงจะดีไม่น้อย ถ้าเราจะเผื่อแผ่อะไรบางอย่าง

ในชีวิตของเรา เพื่อต่ออายุทางกายให้กับผู้อื่น

และช่วยเยียวย  า   ความทุ   ก   ข์ในใจของผู้อื่นได้ด้วย….

คุณว่าจริงไหม ?


ขอบคุณแหล่งที่มา  bangpunsara
สร้างวัดแค่พระพออยู่ แล้วหันมาสร้างโ ร งพย าบ าลดีกว่ามั้ย แง่คิดดีๆอย ากให้อ่าน สร้างวัดแค่พระพออยู่ แล้วหันมาสร้างโ ร งพย าบ าลดีกว่ามั้ย แง่คิดดีๆอย ากให้อ่าน Reviewed by Dusita Srikhamwong on เมษายน 09, 2563 Rating: 5


ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.