ถึงคนอายุ 50 ปีขึ้นไป อย่าไปคาดหวังอะไรจากใคร เพราะไม่มีใครช่วยใครไปได้ตลอด




ถึงคนอายุ 50 ปีขึ้นไป อย่าไปคาดหวังอะไรจากใคร เพราะไม่มีใครช่วยใครไปได้ตลอด

จากชายวัยเกษียน

เพื่อน มีจริงเฉพาะตอนยังเป็นเด็กเรียนหนังสือเท่านั้น หลังจากนั้นก็ต้องมีผลประโยชน์กันทั้งนี้น ความรัก….คือการเอาแต่ใจตัวเอง ต่อจากนั้นเป็นชีวิตคู่ คือการยอมรับสิ่งที่เฮงซวยที่สุดของกันและกันได้เท่านั้น

ชีวิต…คือความไม่แน่นอน

งาน….เป็นส่วนประกอบของชีวิตเท่านั้น ให้ความสำคัญมันอย่าเกินครึ่ง ความล้มเหลว…..คือผลของการทดลองที่ไม่ประสปความสำเร็จ (นักรบย่อมมีแผลเป็น)

เวลาผ่านไป คนเราก็มีอายุมากขึ้นทุกวัน หลายคนก็ยังกังวลกับการใช้ชีวิตในวัย ช ร า ว่าควรจะเป็นแบบไหน อายุมากขึ้นจะไปเป็นภาระให้ลูกหลานต้องดูแลหรือเปล่า วันนี้เราจะมาบอก 9 วิธีการใช้ชีวิตในวัย ช ร า ให้มีความสุข และมีเราภาพ โดยที่ไม่ต้องไปเป็นภาระให้ลูกหลาน เพื่อชีวิตวัยใกล้เกษียณที่มั่นคง สงบ และมีความสุข บางอย่ างวัยอย่ างเราไม่สามารถทำตามอย่ างพวกรุ่น หรือทำตามใจตัวเองได้อีก เพราะฉะนั้น อ่านข้อความด้านล่างแล้วจงปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของเรา เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

๑ ใช้ชีวิตให้มี สุ ข ภ า พ ที่ แ ข็ ง แ ร ง ดูแลตัวเองให้ดี ความรู้หาได้ไม่ ย า ก อะไรที่ควรลดละเลิกก็ต้องลด ถ้ายังอ ย า กมีชีวิตอยู่ ไม่ต้องทำตัวเป็นภาระต่อตนเองและผู้อื่น กินอาหารที่มีประโยชน์ และหมั่นออกกำลังกายบ่อยๆ ขยับตัวบ้าง หากยังทำงานไหวก็จงออกไปทำงาน หากยังเดินได้ก็จงเดินบ่อยๆ

๒ ใช้ชีวิตให้มีความสุข อะไรที่มันแย่ก็ไม่ต้องเก็บไว้ อายุปูนนี้แล้ว ผ่านอะไรมาก็เยอะ หัดปลงๆ บ้าง เข้าวัดฟังธรรมบ้างจะได้เห็นโลกมากขึ้น ไม่ต้องไปยึดติดหรือคาดหวังอะไรอีก มองหาความสุขที่อยู่รอบตัวก็พอ อะไรที่เกินไขว่คว้า ก็เลิกซะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนรุ่นใหม่ไป

๓ ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องกังวล โดยเฉพาะเรื่องลูกหลาน หากมีลูกหลานอายุเกิน 25 ปี สำเร็จการศึกษาแล้วก็จงอยู่เพียงเพื่อเป็นที่ปรึกษา ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องไปบังคับอะไรใครอีก อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้เด็กมันก็พอ

๔ ใช้ชีวิตแบบไม่ทวงคุณคุณ ถึงเราจะเป็นคนที่เลี้ยงดูลูกมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องได้อะไรตอบแทนจริงไหม เพราะมันเป็นหน้าที่ที่เราต้องทำอยู่แล้ว หรือแม้แต่การที่เคยช่วยเหลือคนอื่นไว้ก็ตาม เราไม่ควรใช้ชีวิตที่เหลือไปกับการตามทวงคุณคุณใคร ต้องทำด้วยความเต็มใจและช่วยเหลือจากใจจริง ส่วนใครที่ทำกับเราไว้ไม่ดีก็ปล่อยผ่านมันไป

๕ ใช้ชีวิตให้ใจกว้าง เราทำงานเก็บมาทั้งชีวิต ก็เพื่อเอามาไว้ใช้ตอนนี้แหละ เพราะสุดท้ายแล้ว เมื่อเราจากไปก็เอาไปไม่ได้สักบาท

๖ การมีชีวิตได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปหวังฝากพึ่งชีวิตไว้กับใคร แม้แต่ลูกๆเองก็ตาม เพราะไม่มีใครสามารถดูแลใครไปได้ตลอดเวลา ดังนั้นเราควรที่จะช่วยเหลือตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก และควรทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะใช้ชีวิตที่เหลือได้ไม่ต้องงมีความสุขที่สุด

๗ หยุดการใช้จ่าย เ งิ น อย่ างฟุ่มเฟือย ถ้าเราเริ่มคิดเก็บ เ งิ น ไว้ใช้หลังเกษียณ ดูเหมือนว่าค่อนข้างจะสายไปแล้วนะ อายุเกิน 5O เท่าไร เราควรมี เ งิ น สะสมที่ใช้หลังเกษียณต่อปี บวกไปอีก 1O ปี เช่น อายุ 51 ควรมี เ งิ น สะสม 1O+1=11 ปี อายุ 52 ควรมีสะสม 12 ปี อายุ 6O ควรมี เ งิ น สะสม 2O ปี นั่นเป็นตัวเลขโดยประมาณว่า เราจะ ต า ย ที่อายุ .. ปี ๘ หยุดการเล่นอินเทอร์เน็ตที่มากเกินไป เราควรเริ่มทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันและมีเราค่าดีกว่าเสียเวลากับ Social Network (ยกเว้นว่าเราใช้ในการติดต่อเพื่อนฝูงเก่าๆ หรือหาข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์) การเล่นเฟซบุ๊ก เล่นไลน์ เล่นได้ แต่ต้องมีการจำกัดเวลา เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เราเสียเวลาและได้ประโยชน์น้อย

๙ หยุดนึกถึงความล้มเหลวในอดีตที่ผ่านมา เพราะการคิดถึงแต่เรื่องร้ า ยๆ ที่ผ่านมา จะทำให้ความสุขที่เราควรจะได้รับในปัจจุบันหายไป คิดเสมือนว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรา แต่ลงมือทำเสมือนว่าเรายังมีอายุยืนย าวได้ถึงแปดสิบ

และแน่นอนว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้เราใช้ชีวิตได้ไม่ต้องงมีเราภาพ คือการมีสติอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะสามารถนำพาชีวิตไปในจุดที่ดีที่สุด และหวังว่าทุกคนจะใช้ชีวิตให้มีความสุข และเต็มที่กับทุกวันที่ตื่นขึ้นมา

เลิกแคร์ว่า คนอื่นในสังคมจะคิดถึงเราอย่ างไร

หน้ากากและหัวโขนจะอยู่กับเราอีกไม่ถึงสิบปี หัดที่จะปล่อยวาง และลดตัวตนของเราลงบ้าง กลับไปหาเพื่อนที่ดีและจริงใจกับเราจริงๆ ออกห่างจากคนที่ไม่จริงใจกับเรา หรือคนที่มาเพียงเพื่อจะเอาประโยชน์จากตัวเรา หรือเอาเปรียบเรา

ช่วงเวลาที่ผ่านมา เราอาจจะพลาดอะไรหลายๆไปเพราะการปิดใจตัวเองไว้ เพียงแค่ลองเปิดใจและเรียนรู้ เราจะพบว่าโลกมันกว้างกว่าที่เราคิด อายุเลขห้าไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ คบกับเด็กรุ่นใหม่บ้าง จะได้เข้าใจสังคมปัจจุบันมากขึ้น และลดปัญหาช่องว่างระหว่างวัย


ขอบคุณที่มา ปริญญาชีวิต
ถึงคนอายุ 50 ปีขึ้นไป อย่าไปคาดหวังอะไรจากใคร เพราะไม่มีใครช่วยใครไปได้ตลอด ถึงคนอายุ 50 ปีขึ้นไป อย่าไปคาดหวังอะไรจากใคร เพราะไม่มีใครช่วยใครไปได้ตลอด Reviewed by Dusita Srikhamwong on กันยายน 08, 2563 Rating: 5


ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.