อย่าวัดความกตัญญูจากเงิน บางคนไม่เคยให้พ่อแม่ แม้แต่บาทเดียว
คนเป็นลูก แน่นอนค่ะว่าย่อมจะต้องตอบแทนบุญคุณหรือดูแลพ่อแม่ ยามที่พ่อแม่ชรา และเริ่มจะทำงานไม่ไหวแล้วแต่หากบางบ้าน พ่อแม่นั้นยังสามารถดูแลตัวเองได้พึ่งพาตัวเองได้ ก็ยังไม่ใช่หน้าที่ของลูกที่จะต้องตอบแทนในทันควร เพียงแต่เป็นคนดีและไม่ทำให้พ่อแม่เดือดร้อนหรือรู้สึกลำบากใจหรือทุกข์ใจ นั่นก็คือการตอบแทนบุญคุณแล้ว
อย่าวัดความกตัญญูจากจำนวนเงิน บางคนไม่เคยให้พ่อแม่แม้แต่บาทเดียว คนเป็นลูก แน่นอนค่ะว่าย่อมจะต้องตอบแทนบุญคุณ หรือดูแลพ่อแม่ ยามที่พ่อแม่ชรา และเริ่มจะทำงานไม่ไหวแล้ว แต่หากบางบ้าน พ่อแม่นั้นยังสามารถดูแลตัวเองได้ พึ่งพาตัวเองได้ ก็ยังไม่ใช่หน้าที่ของลูกที่จะต้องตอบแทนในทันควร เพียงแต่เป็นคนดี และไม่ทำให้พ่อแม่เดือดร้อนหรือรู้สึกลำบากใจ หรือทุกข์ใจ นั่นก็คือการตอบแทนบุญคุณแล้ว
เราจะให้ลูกทำอย่างไร หากเขาเงินเดือนแค่ 9,000 บาท ใช้คนเดียวก็แทบไม่เหลือเก็บ เขาจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงพ่อแม่ เราจะทำอย่างไร หากลูกมีปัญหา ไม่สามารถให้เงินพ่อแม่ได้เยอะๆ เช่นลูกชายของคนข้างบ้าน พอดีไปเจอบทความดีๆ จากเฟสบุ๊คส่วนตัวของ Tukky และเห็นว่าเขาเขียนไว้ดีนะโดยโพสต์ระบุว่า
“อย่าวัดความกตัญญูจากจำนวนเงิน คนบางคนไม่เคยให้เงินพ่อแม่แม่แต่บาทเดียวแต่ไม่เคยสร้างความเดือนร้อนให้ครอบครัวนี่ก็ถือว่าเป็นคนกตัญญูแล้วไม่ทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจนั่นบุญแล้ว ให้พ่อแม่มาก มันเป็นโอกาสของแต่ละคน
คนเป็นลูก แน่นอนค่ะว่าย่อมจะต้องตอบแทนบุญคุณหรือดูแลพ่อแม่ ยามที่พ่อแม่ชรา และเริ่มจะทำงานไม่ไหวแล้วแต่หากบางบ้าน พ่อแม่นั้นยังสามารถดูแลตัวเองได้พึ่งพาตัวเองได้ ก็ยังไม่ใช่หน้าที่ของลูกที่จะต้องตอบแทนในทันควร เพียงแต่เป็นคนดีและไม่ทำให้พ่อแม่เดือดร้อนหรือรู้สึกลำบากใจหรือทุกข์ใจ นั่นก็คือการตอบแทนบุญคุณแล้ว
อย่าวัดความกตัญญูจากจำนวนเงิน บางคนไม่เคยให้พ่อแม่แม้แต่บาทเดียว คนเป็นลูก แน่นอนค่ะว่าย่อมจะต้องตอบแทนบุญคุณ หรือดูแลพ่อแม่ ยามที่พ่อแม่ชรา และเริ่มจะทำงานไม่ไหวแล้ว แต่หากบางบ้าน พ่อแม่นั้นยังสามารถดูแลตัวเองได้ พึ่งพาตัวเองได้ ก็ยังไม่ใช่หน้าที่ของลูกที่จะต้องตอบแทนในทันควร เพียงแต่เป็นคนดี และไม่ทำให้พ่อแม่เดือดร้อนหรือรู้สึกลำบากใจ หรือทุกข์ใจ นั่นก็คือการตอบแทนบุญคุณแล้ว
เราจะให้ลูกทำอย่างไร หากเขาเงินเดือนแค่ 9,000 บาท ใช้คนเดียวก็แทบไม่เหลือเก็บ เขาจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงพ่อแม่ เราจะทำอย่างไร หากลูกมีปัญหา ไม่สามารถให้เงินพ่อแม่ได้เยอะๆ เช่นลูกชายของคนข้างบ้าน พอดีไปเจอบทความดีๆ จากเฟสบุ๊คส่วนตัวของ Tukky และเห็นว่าเขาเขียนไว้ดีนะโดยโพสต์ระบุว่า
“อย่าวัดความกตัญญูจากจำนวนเงิน คนบางคนไม่เคยให้เงินพ่อแม่แม่แต่บาทเดียวแต่ไม่เคยสร้างความเดือนร้อนให้ครอบครัวนี่ก็ถือว่าเป็นคนกตัญญูแล้วไม่ทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจนั่นบุญแล้ว ให้พ่อแม่มาก มันเป็นโอกาสของแต่ละคน
คนบางคนมีโอกาสมากกว่าคนอื่น ก็ให้เยอะกว่าใครแต่ใช่คุณคือบุตรที่ดี อย่าวัดค่าของเงินด้วยผลกตัญญู บอกเลย ไม่ชอบ มีมากก็ให้ไปก็ดี ก็ทำคนมีน้อยเค้าก็อยากจะให้แต่เค้าไม่มีโอกาสนั้น เราคนนึงไม่ชอบแสดงบทบาทการให้เงินกับพ่อแม่ ต่อหน้า พี่ชายหรือน้องสาวเรา เพราะเราแคร์ความรู้สึกคนใกล้ตัวที่มีโอกาสน้อยกว่าเรา”
อ่านแล้วก็นั่งคิดตาม หากพูดว่าจริง มันก็แล้วแต่มุมมองของคน แต่พ่อแม่บางคน ก็มีลูกเมื่อตัวเองยังไม่พร้อม แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เคยดูแลพ่อแม่ตัวเองเลย แต่คาดหวังว่าจะต้องเลี้ยงลูกให้เติบโตมาและมาเลี้ยงดูตัวเอง แต่ก็ให้เขาแบบขาดๆ เหลือๆ ชุดนักเรียนก็ใส่ตัวเก่าอยู่สองสามปี ทั้งๆ ที่เพื่อนๆ ได้ใส่ชุดใหม่ทุกปี
ลูกข้างบ้านได้เรียนพิเศษ มีอนาคต ได้เรียนเปียโน เรียนดนตรี ได้ไปเที่ยว ไปทัศนศึกษา แต่ลูกตัวเองกลับไม่ได้รับสิ่งเหล่านั้น เด็กบางคนเกิดมาแทบไม่เคยได้เล่นเป็นเด็กด้วยซ้ำ โตมาก็ต้องทำงาน ไม่มีโอกาสแสวงหาสิ่งดีๆ ให้กับชีวิตตัวเอง สุดท้ายก็โตมาเป็นลูกจ้าง ทำงานโรงงาน ค่าแรงวันละ 300 เลี้ยงตัวเองยังไม่รอด เขาจะไปเลี้ยงใคร ต่างกับเด็กบางคน พ่อแม่แทบจะปูพรมแดงให้เดินในทุกๆ ที่ ที่ได้ย่างกรายอยากกินอะไรก็ได้กิน อยากเล่นอะไรก็ได้เล่น เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีแต่กลับนำแต่ความเดือดร้อนมาให้ ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนสักอย่าง
เห็นไหมคะว่า การเลี้ยงดูก็ต่างกัน เด็กโตมาต่างกัน พ่อแม่ก็สอนต่างกัน ดังนั้น เราไม่สามารถตัดสินใครได้แม้แต่คนเดียว พี่น้องที่ให้เงินพ่อแม่เพียงเดือนละ 1 พันบาท นั่นอาจจะเป็นเงินเก็บทั้งหมดในแต่ละเดือนของเขาก็ได้ กลับอีกคนที่ให้พ่อแม่เดือนละ 5 พันบาท เขาอาจจะหาได้เดือนละ 1 แสนบาทก็ได้
การไม่ให้เงินพ่อแม่ ไม่ใช่คนไม่ดี การไม่ซื้อของกลับบ้านนอก ไม่ใช่ลูกไม่ดี การไม่กลับไปเยี่ยมบ้านในช่วงเทศกาลไม่ใช่คนไม่ดี ทุกคนมีวาระ หน้าที่ แตกต่างกัน จงมั่นทำตนให้เกิดประโยชน์ ในทางที่ตนถนัด และไม่เบียดเบียนใคร นั่นสำคัญ ชีวิตคนเรา ไม่เท่ากัน “ฝากให้คิด ”
ขอบคุณ เนื้อหาบางส่วนจาก คุณตุ๊กกี้, ปริญญาชีวิต
อ่านแล้วก็นั่งคิดตาม หากพูดว่าจริง มันก็แล้วแต่มุมมองของคน แต่พ่อแม่บางคน ก็มีลูกเมื่อตัวเองยังไม่พร้อม แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เคยดูแลพ่อแม่ตัวเองเลย แต่คาดหวังว่าจะต้องเลี้ยงลูกให้เติบโตมาและมาเลี้ยงดูตัวเอง แต่ก็ให้เขาแบบขาดๆ เหลือๆ ชุดนักเรียนก็ใส่ตัวเก่าอยู่สองสามปี ทั้งๆ ที่เพื่อนๆ ได้ใส่ชุดใหม่ทุกปี
ลูกข้างบ้านได้เรียนพิเศษ มีอนาคต ได้เรียนเปียโน เรียนดนตรี ได้ไปเที่ยว ไปทัศนศึกษา แต่ลูกตัวเองกลับไม่ได้รับสิ่งเหล่านั้น เด็กบางคนเกิดมาแทบไม่เคยได้เล่นเป็นเด็กด้วยซ้ำ โตมาก็ต้องทำงาน ไม่มีโอกาสแสวงหาสิ่งดีๆ ให้กับชีวิตตัวเอง สุดท้ายก็โตมาเป็นลูกจ้าง ทำงานโรงงาน ค่าแรงวันละ 300 เลี้ยงตัวเองยังไม่รอด เขาจะไปเลี้ยงใคร ต่างกับเด็กบางคน พ่อแม่แทบจะปูพรมแดงให้เดินในทุกๆ ที่ ที่ได้ย่างกรายอยากกินอะไรก็ได้กิน อยากเล่นอะไรก็ได้เล่น เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีแต่กลับนำแต่ความเดือดร้อนมาให้ ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนสักอย่าง
เห็นไหมคะว่า การเลี้ยงดูก็ต่างกัน เด็กโตมาต่างกัน พ่อแม่ก็สอนต่างกัน ดังนั้น เราไม่สามารถตัดสินใครได้แม้แต่คนเดียว พี่น้องที่ให้เงินพ่อแม่เพียงเดือนละ 1 พันบาท นั่นอาจจะเป็นเงินเก็บทั้งหมดในแต่ละเดือนของเขาก็ได้ กลับอีกคนที่ให้พ่อแม่เดือนละ 5 พันบาท เขาอาจจะหาได้เดือนละ 1 แสนบาทก็ได้
การไม่ให้เงินพ่อแม่ ไม่ใช่คนไม่ดี การไม่ซื้อของกลับบ้านนอก ไม่ใช่ลูกไม่ดี การไม่กลับไปเยี่ยมบ้านในช่วงเทศกาลไม่ใช่คนไม่ดี ทุกคนมีวาระ หน้าที่ แตกต่างกัน จงมั่นทำตนให้เกิดประโยชน์ ในทางที่ตนถนัด และไม่เบียดเบียนใคร นั่นสำคัญ ชีวิตคนเรา ไม่เท่ากัน “ฝากให้คิด ”
ขอบคุณ เนื้อหาบางส่วนจาก คุณตุ๊กกี้, ปริญญาชีวิต
อย่าวัดความกตัญญูจากเงิน บางคนไม่เคยให้พ่อแม่ แม้แต่บาทเดียว
Reviewed by Dusita Srikhamwong
on
ตุลาคม 20, 2563
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: