ขาดพ่อก็เหมือนถ่อหัก ขาดแม่ก็เหมือนแพแตก




ขาดพ่อก็เหมือนถ่อหัก ขาดแม่ก็เหมือนแพแตก

ขึ้นชื่อว่าพ่อแม่ ต่อให้ลูกจะอายุเพิ่มมากขึ้นซักเท่าไหร่ ก็ยังเป็นลูกตัวน้อยสำหรับเค้าอยู่เสมอ พ่อแม่ส่วนมากแล้วเมื่อมีลูกก็ต้องการดูแลลูกอย่างดี ต้องการให้ลูกๆของตัวเองนั้นได้มีชีวิตความเป็นอยู่ มีการศึกษาและมีอนาคตที่ดีกว่าตนเองด้วยกันทั้งนั้น น้อยนักที่จะมีพ่อแม่คนไหนที่ต้องการหรือยอมให้ลูกของตัวเองนั้นลำบาก

ลูกนั้นเปรียบได้กับแก้วตาและหัวใจของพ่อแม่ หลายคนที่เมื่อมีลูกก็ต้องการสร้างครอบครัวที่อบอุ่น ต้องการให้ลูกของเรานั้นได้รับความสุข สะดวกสบายในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย เงินทองที่ใช้จ่ายได้ตามใจปรารถนา พร้อมทั้งการศึกษาที่ดีในสถาบันที่มีชื่อเสียง ความสมบูรณ์

แต่ก็ยังมีอีกหลายครอบครัวที่ไม่ได้เป็นดังที่เรากล่าวมาข้างต้น ยังมีพ่อแม่อีกมากที่ไม่พร้อมจะมีลูกต้องนำลูกไปทิ้งหรือนำไปฝากไว้ที่อื่น และก็ยังมีพ่อแม่อีกมากที่ไม่ได้คำนึงถึงอนาคตของลูก ปล่อยให้ลูกต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีคนคอยช่วยประคับประคองไม่ว่าจะเป็นทั้งทางร่างกายและจิตใจ สำหรับใครที่ยังมีครอบครัวที่คอยเข้าใจ คอยดูแลอยู่นั้นนับว่าเป็นสิ่งที่ดีอย่างมาก

เคยคิดกันไหมว่าหากพรุ่งนี้ไม่มีแม่อยู่แล้วจะเป็นอย่างไร โบราณว่าไว้ หากขาดพ่อเหมือนถ่อหัก ขาดแม่เหมือนแพแตกชีวิตของลูกคงกระจัดกระจายไร้ทิศทาง หากเปรียบชีวิตเหมือนการข้ามฝั่งในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวกราก ซึ่งต้องอาศัยแพและไม้ถ่อข้ามฝั่งเพื่อไปสู่เป้าหมายอย่างปลอด ภัย

หากเปรียบไปก็เหมือนพ่อกับแม่ ถ่อเปรียบเสมือนพ่อ แพเปรียบเสมือนแม่ ถ้าถ่อหักก็ยังสามารถใช้มือหรือเท้าพายแทน แต่ก็ต้องทุลักทุเลพอควร มีโอกาสถึงฝั่ง 50-50 แต่หากแพต้องแตกหรืออับปางกลางแม่น้ำ โอกาสที่จะถึงฝั่งก็คงลางเลือนและริบหรี่เต็มประดา

แม่ผู้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่ลูก แม่ผู้ยอมอด เพื่อให้ลูกอิ่ม แม่ผู้ที่ยอมทุกข์เพื่อให้ลูกสุข แม่ผู้ที่ยอมลำบากเพื่อให้ลูกสบาย แม่ผู้ที่รักเป็นห่วงเป็นใยและเฝ้าถามลูกอยู่เสมอ เหนื่อยไหมลูก หิวไหมลูก แล้วลูกหล่ะเคยถามแม่บ้างหรือเปล่า

ลูกบางคน ยามแม่มีชีวิตอยู่ไม่เคยเลยที่จะรักษาน้ำใจท่าน ไม่เคยเลยที่จะเลี้ยงดูใจท่าน ทำให้ท่านสบายอกสบายใจ บางคนเอาแต่สนุก เลี้ยงเพื่อนฝูงมากกว่าเลี้ยงแม่ ปล่อยให้แม่นั่งเหงา นั่งรอเรากลับบ้านเพื่อมาทานข้าวด้วยกัน และหากเย็นนี้แม่คุณไม่อยู่แล้วคุณจะทำได้เพียงแต่ข้าวต้มถ้วยเดียวและน้ำเปล่าครึ่งแก้ว ใส่ถาดเอาไปวางไว้

แล้วลูกชายลูกหญิงผู้โง่เขลาก็จะไปเคาะข้างโลง พร้อมกับพูดว่า แม่จ๋าลุกขึ้นมากินข้าวเถอะ แม่จ๋าลุกขึ้นมากินน้ำเถอะ แม่จ๋าพระมาแล้วฟังสวดนะแม่นะ แต่ในขณะที่แม่มีชีวิตอยู่ เราจะได้ยินแต่คำว่า ลูกจ๋าลูกหิวหรือเปล่า ลูกต้องการอะไรหรือเปล่า ลูกจ๋าลูกไม่สบายหรือเปล่า จะมีลูกซักกี่คนที่จะถามแม่เช่นนั้น หรือจะรอให้แม่จากไปซะก่อนแล้วค่อยถามอย่างนั้นหรือ

เรารักสิ่งใด เราจะถนอมสิ่งนั้น รักษาสิ่งนั้น แล้วมันจะอยู่กับเรานาน ถ้าเรารักแม่ต้องถนอมน้ำใจท่าน รักษาใจท่าน ตอนที่แม่มีชีวิตอยู่ไม่เคยสนใจท่านเลย แต่พอท่านไม่อยู่กลับนำร่างที่ไร้วิญญาณของแม่ไปใส่โลงทองอย่างดี เอาไปไว้วัดแล้วนิมนต์พระมาสวด 7 วัน 7 คืน หวังว่าแม่จะไปสู่สุขคติโลกสวรรค์ นี่หรือคือสิ่งที่เรามอบให้แม่

ทำความดี มีความกตัญญูต่อแม่ ขณะมีชีวิตอยู่ประเสริฐกว่าการสำนึกบุญคุณได้เมื่อท่านจากไปแล้ว

หากใครที่ได้อ่านสิ่งที่เรานำมาฝากเหล่านี้แล้ว อย่าลืมหันไปมองคนรอบข้างไม่เพียงแต่แม่เท่านั้น ยังหมายรวมไปถึงคนสำคัญในครอบครัวของเรา อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปทำดีในตอนที่ยังทำได้ หากมาคิดได้ตอนเค้าจากไปแล้วทำดีเท่าไหร่ก็คงไม่ถึงคนที่เรารักอยู่ดี


ที่มา : พระมหาประดิษฐ์ จิตฺตสํวโร
ขาดพ่อก็เหมือนถ่อหัก ขาดแม่ก็เหมือนแพแตก ขาดพ่อก็เหมือนถ่อหัก ขาดแม่ก็เหมือนแพแตก Reviewed by Dusita Srikhamwong on กรกฎาคม 23, 2565 Rating: 5


ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.