สูตรทำน้ำจิ้มลูกชิ้นมะขามเปียก รสเข้มข้น แซ่บ กินกับลูกชิ้นอะไรก็อร่อย มีคนขอสูตรเข้ามาเยอะมาก

สูตรทำน้ำจิ้มลูกชิ้นมะขามเปียก รสเข้มข้น แซ่บ กินกับลูกชิ้นอะไรก็อร่อย มีคนขอสูตรเข้ามาเยอะมาก

สูตรน้ำจิ้มมะขามเปียกกินกับลูกชิ้นอะไรก็อร่อยทั้งนั้น คนขอสูตรนี้ข้ามากันเยอะ วันนี้เราได้มีสูตรการทำมาให้เพื่อนๆได้ลองทำกัน จะทำกินกันที่บ้าน หรือจะทำขายสร้างอาชีพเสริมก็ดี ที่สำคัญทำง่ายไม่ยาก เก็บใส่ขวดเข้าตู้เย็นอยู่ได้นานเป็นเดือน รสชาติดีไม่เปลี่ยน มาดูส่วนผสมและขั้นตอนการทำกันเลย

สูตรน้ำจิ้มลูกชิ้นมะขามเปียก 

ส่วนผสม

น้ำมะขามเปียกเข้มข้น 150 กรัม (1/2 ถ้วย)

น้ำเปล่า 300 กรัม (1 ถ้วยครึ่ง)

พริกสดแดง 7 เม็ด

กระเทียมดอง 2 หัว

กระเทียมสด 8 กลีบใหญ่

น้ำกระเทียมดอง 3 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลปึก 100 กรัม (ประมาณ 7 ช้อนโต๊ะ)

น้ำตาลทราย 150 กรัม (3/4 ถ้วย)

คอร์น ไซรัป 3 ช้อนโต๊ะ (น้ำตาลจากแป้งข้าวโพดครับ หาซื้อได้ตามซุปเปอร์)

แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ (ไม่มีให้ใช้แป้งมันแทนก็ได้ครับ)

น้ำเปล่าสำหรับละลายแป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ

พริกขิ้หนูคั่วป่น 1 ช้อนชา

เกลือ 1 ช้อนชา

ขั้นตอนในการทำ

1 ในขั้นตอนแรกห้เราเริ่มต้นด้วยการโขลกหรือปั่นพริกสด กระเทียมดอง และกระเทียมสด พักวางไว้

2 จากนั้นให้เรานำน้ำมะขามเปียก น้ำเปล่า น้ำตาลปึก น้ำตาลทราย และน้ำกระเทียมดอง เทใส่หม้อซอสขนาดกลาง ให้นำไปต้มด้วยไฟระดับกลาง ต้มเคี่ยว ไปเรื่อย ๆ จนน้ำตาลละลายดี พอน้ำตาลละลายดีแล้ว ก็ยังเคี่ยวต่อไป เพื่อให้น้ำซอสมีความข้นมากยิ่งขึ้น คนเป็นระยะ พอเดือดได้ที่จะใช้เวลาประมาณ 15–20 นาที

3 ให้เรานำเอาพริกสดที่โขลกหรือปั่นกับกระเทียมสด และกระเทียมดอง ในขั้นตอนที่ 1 ลงไปในหม้อ ในขั้นตอนนี้ให้เราเร่งไฟให้แรงขึ้น จะช่วยทำให้ให้กลิ่นเหม็นเขียวของพริกสดได้หายไปกินอร่อยยิ่งขึ้น จากนั้นเคี่ยวต่อไปไปประมาณ 3-5 นาทีช่วงนี้เราก็คนให้เข้ากันตลอดเวลา

4 ให้เราลดไฟเหลือขนาดกลาง ๆ ใส่คอร์นไซรัปลงไป คนส่วนผสมตลอดเวลา น้ำซอสจะเริ่มเหนียวๆ จากนั้นคนต่อไปซัก 2 นาที ใส่แป้งข้าวโพดละลายน้ำตามลงไป คน2นาที

5 ให้เราใส่เกลือลงไปปรุงไป 1 ช้อนชา คนส่วนผสมให้เข้ากัน ลดไฟเป็นอ่อนๆ ใส่พริกป่นลงไป 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน แล้วชิมรสชาติ ทิ้งให้น้ำจิ้มเย็นลงซักครู่ ก็เทใส่ขวดโหล ปิดฝาให้สนิท

ไม่ยากใช่ไหมคะ สูตรน้ำจิ้มลูกชิ้นรสเด็ด แซ่บอร่อย สามารถเก็บไว้ได้นาน กินกันอร่อยทั้งครอบครัวอย่างแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก : bobbaank