ประโยชน์ของกะทกรกป่า ยอดอ่อนและผลอ่อนลวกจิ้มน้ำพริก ผลสุกรสหวานเย็นช่วยบำรุงปอด
กะทกรกป่า หรือรู้จักกันในชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า บักหิงห่าง เงาะป่า ลูกรกช้าง หรือ ผ้าร้าຍห่อทอง และอื่น ๆ เป็นไม้เถาเลื้อย มีอายุประมาณ 2-5 ปี มีมือสำหรับใช้ยึดเกาะ
และมีขนขึ้นปกคลุมอยู่ทุกส่วน และทุกส่วนของลำต้นเมื่อนำมาขยี้จะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเขียว ขຍายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด และเจริญเติบโตได้ดีในที่ราบ
ดอกกะทกรกป่า ดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกตามซอกใบ ดอกมีกลีบดอก 10 กลีบ กลีบดอกด้านนอกเป็นสีเขียวอ่อน ส่วนกลีบด้านในเป็นสีขาว มีกระบังรอบเป็นเส้นฝอยมีสีขาวโคนม่วง
ส่วนกลีบเลี้ยงของดอกเป็นเส้นฝอย ดอกมีก้านชูเกสรร่วม แยกเป็นเกสรตัวผู้ประมาณ 5-8 ก้าน ส่วนก้านเกสรตัวเมีຍมีประมาณ 3-4 ก้าน รังไข่เกลี้ยง
ผลกะทกรกป่า หรือลูกกะทกรก ผลมีลักษณะเป็นรูปทรงกลม ผลเมื่ออ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมสีส้ม และมีใบประดัບเส้นฝอยคลุมอยู่
ภายในผลมีเนื้อหุ้มเมล็ดใสและฉ่ำน้ำ (คล้ายกับเมล็ดแมงลักแช่น้ำ) มีรสหวานแบบปะแล่ม ๆ และจะออกดอกออกผลในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันຍายน
ประโยชน์ของกะทกรกป่า
ยอดอ่อน ผลอ่อน ผลสุก ผลแก่ รวมทั้งรกหุ้ม สามารถใช้รับประทานเป็นผักสด หรือนำมาต้มหรือลวกเป็นผักจิ้มน้ำพริก และแกงเลียง ผลสามารถนำมาปั่นเพื่อทำเป็นเครื่องดื่มได้
ในด้านทางการเกษตร เนื่องจากต้นกะทกรกมีสาsเคมี ชื่อว่า Cyanpgenetic glycosides ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นຍาที่ใช้กำจัด และป้องกันแมລงศัตsูพืชได้ โดยเฉพาะตัวด้วงถั่วเขียว ซึ่งสาsเคมีดังกล่าวจะไปยับยั้งการเกิดเป็นตัว
ใช้ปลูกเป็นพืชคลุมดินและทำปุ๋ยหมักได้ เนื่องจากต้นกะทกรกมีกลิ่นเหม็นเขียว จึงช่วยป้องกันไม่ให้สัตว์เข้ามาทำลาຍได้
สรรพคุณของกะทกรก
เปลือกใช้เป็นยาชูกำลัง (เปลือก)
เนื้อไม้ใช้เป็นยาควบคุมธาตุในร่างกาย (เนื้อไม้) ส่วนเถาใช้เป็นยาธาตุ (เถา)
รากสดหรือรากตากแห้งใช้ชงกับน้ำดื่มเป็นชา จะช่วยทำให้สดชื่น (ราก)
ผลดิบมีรสเมาเบื่อ ส่วนผลสุกมีรสหวานเย็น ช่วยบำรุงปอด (ผล)
ทั้งต้นมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงหัวใจ (ทั้งต้น)
ช่วยถอนพิษเบื่อเมาทุกชนิด (เนื้อไม้)
ช่วยแก้ความดันโลหิตสูง (ราก)
แพทย์ชาวเวียดนามใช้ใบเป็นสงบระงับ ระงับความเครียดและความวิตกกังวล ด้วยการใช้ใบแห้งประมาณ 10-15 กรัม (ต่อวัน) นำมาต้มกับน้ำกิน (ใบ)
ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ด้วยการใช้ใบนำมาตำใช้พอกหรือประคบที่ศีรษะ (ใบ)
รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้จับสั่น (ราก)
ใบใช้ตำพอกศีรษะ ช่วยแก้อาการหวัด คัดจมูก (ใบ)
ช่วยแก้อาการไอ (ใบ, ดอก, ต้น, ทั้งต้น)
ช่วยขับเสมหะ (ใบ, ต้น, ทั้งต้น)
เมล็ดใช้แก้เด็กที่มีอาการท้องอืดเฟ้อ ช่วยทำให้ผายลม ด้วยการนำเมล็ดมาตำให้ละเอียด ใช้ผสมกับน้ำส้มและรมควันให้อุ่น แล้วเอาไปทาท้องเด็ก (เมล็ด)
ใบนำมาตำให้ละเอียด แล้วคั้นเอาแต่น้ำดื่มเป็นยาเบื่อและยาขับพยาธิ (ใบ)
ดอก ใบ และทั้งต้นมีรสเบื่อเมา ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ (ใบ, ดอก, ต้น, ทั้งต้น)
เถาและรากสดใช้ต้มเป็นยาแก้ปัสสาวะขุ่นข้น (ราก)
ช่วยแก้กามโรค (ราก)
ช่วยรักษาบาดแผล (เนื้อไม้, ใบ, ผล) และเถาใช้เป็นยาพอกรักษาแผล (เถา)
ใบใช้ตำพอกฆ่าเชื้อบาดแผล (ใบ)
เปลือกใช้ตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าว ช่วยแก้ไฟไหม้น้ำร้อนลวก (เปลือก)
เปลือกช่วยทำให้แผลเน่าเปื่อยแห้ง (เปลือก)
ใบสดนำมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำพอสมควร นำมาทาวันละ 3-4 ครั้ง เพื่อใช้รักษาโรคผิวหนัง แก้อาการคัน แก้หิด แก้หืด (ใบ)
ช่วยแก้อาการปวด (ผล)
ช่วยแก้อาการบวม (ใบ, ต้น, ทั้งต้น) แก้อาการบวมที่ไม่รู้สาเหตุ (ทั้งต้น)
ช่วยแก้อาการเหน็บชา โดยนำมาสับตากแดด แล้วนำมาต้มกิน (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
ใบนำมาตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำใช้พอกรักษาสิว (ใบ)
ข้อมูลทางเภสัชวิทຍาของกะทกรกป่า
ผลอ่อนและใบอ่อนมีสารประกอบไซຍาไนต์คือ ไซຍาโนจีนิก ไกลโคไซด์ ส่วนอีกรายพบว่าใบกะทกรกมีกรดไฮโดรไซຍานิก ซึ่งเป็น สาsเคมี แต่wิษ จะสลายไปเมื่อถูกความร้อนที่นานพอ และในงานวิจัยยังใช้ส่วนของลำต้นและใบ เพื่อนำมาประเมินคุณสมบัติทางกายภาพและคุณสมบัติทางเคมี
โดยสกัดด้วยวิธีการสกัดต่อเรื่องด้วยเครื่องสกัดต่อเนื่อง ด้วยเอทานอล 95% จะได้ปริมาณสารสกัดเท่ากับ 23.37% โดยน้ำหนัก ซึ่งสารสกัดที่ได้จะเป็นของเหลวที่มีลักษณะข้นหนืด เป็นสีน้ำตาล และมีกลิ่นเฉพาะตัว
ข้อควรระวังในการรับประทานกะทกรกป่า
ทั้งต้นสดมีรสlบื่อlมา และเป็นอันตารายหากนำมากินอาจทำให้ถึงแก่ชีวาได้ แต่สาsอันตารายจะสลายไปเมื่อถูกความร้อน ดังนั้นจึงต้องนำไปต้มให้สุกก่อนนำมาใช้
ผลอ่อนมีผิษ เนื่องจากมีสาsไซຍาโนจีนิก ไกลโคไซด์ (Cyanogenetic glucoside) เปลือกผล เมล็ด และใบมีสารที่ไม่คงตัว เมื่อสารดังกล่าวสลายตัวจะทำให้ Acetone และ Hydrocyanic acid (สารชนิดหลังเป็นอันตาราย) ทำให้เม็ดเลืoดllดงขาดออกซิเจน ทำให้เกิดอาการอาเจียu
แหล่งที่มา: medthai
เรียบเรียงโดย bobbaank.com
ประโยชน์ของกะทกรกป่า ยอดอ่อนและผลอ่อนลวกจิ้มน้ำพริก ผลสุกรสหวานเย็นช่วยบำรุงปอด
Reviewed by Dusita Srikhamwong
on
กันยายน 03, 2562
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: