ทำน้อยแต่ได้บุญมาก มีเงินทำบุญน้อยอย ากได้บุญมากๆ นั้นต้องทำอย่ างนี้
ในวันที่คุณนั้นไม่ค่อยมีเงินทำบุญ แต่คุณนั้นก็อย ากได้อนิสงส์ของบุญที่ทำนั้นเท่ากับคนที่ทำบุญด้วยเงิน มากๆ วันนี้เรามีบทความ ทำน้อยแต่ได้บุญมาก มีเงินทำบุญน้อยอย ากได้บุญมากๆ นั้นต้องทำอย่ างนี้ ไปดูกันว่าการทำบุญด้วยเงินไม่มาก แต่ได้บุญมากนั้นเขาทำกันอย่ างไร
การ ‘ทำบุญ’ ในทางพุทธศาสนาไม่ได้มีเพียงการให้เงินให้ทอง หรือให้ทาน ทำบุญกับพระและวัดเท่านั้น ‘บุญ’ หมายถึง การกระทำความดี มาจากภาษาบาลีว่า ‘ปุญญะ’ แปลว่า เครื่องชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์
ดังนั้น บุญจึงเป็นเสมือนเครื่องกำจัดสิ่งเศร้าหมองที่เราเรียกกันว่า “กิเลส” ให้ออ กไปจากใจ บุญจะช่วยให้เราลด ละ เลิกความโลภ ความเห็นแก่ตัว ความมีจิตใจคับแคบ อันเป็นสาเหตุให้เกิดความทุ ก ข์ และช่วยให้ใจเป็นอิสระ
พร้อมจะก้าวไปสู่การทำคุณงามความดีในขั้นต่อๆไป เป็นการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น ทำให้เกิดความอิ่มเอิบใจ มีความสุข และเป็นความสุขที่สงบและยั่งยืน ในขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้ปฏิบัติ เป็นบุคคลที่มีคุณธรรม น่าเคารพยกย่อง เพราะถือว่าเป็น ‘คนดี’
นั่นเอง นั่นแสดงว่าที่เราทำบุญกัน มากมายก็เพราะหวังประโยชน์ส่วนตัวเป็นสำคัญ ดังนั้นยิ่งทำบุญด้วยท่าทีแบบนี้ ก็ยิ่งเห็นแก่ตัวมากขึ้น ผลคือจิตใจยิ่งคับแคบ ความเมตต ากรุณามีแต่จะน้อยลง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการทำบุญแบบนี้กลับจะทำให้ได้บุญน้อยลง
ผู้ถาม = ‘ลูกเป็นคนย ากจนมีเงินน้อย อย ากจะได้อานิสงส์มาก ๆ จะทำบุญอย่ างไรดีคะ ?’ หลวงพ่อ = ‘คืออานิสงส์จริง ๆ ต้องทำบุญให้มากที่สุดเท่าที่จะพึงทำได้ สมมุติว่าเรามีเงินอยู่ 10 บาท เดินทางมาที่นี่เสียค่ารถ 6 บาท กินก๋วยเตี๋ยว 3 บาท หมดไป 9 บาท เหลือ 1 บาท
เขียนที่หน้าซองเลยว่า เงินนี้ถวายสังฆทาน วิหารทาน และธรรมทาน อันนี้อานิสงส์มากเหลือเกิน จำนวนเงินเขาไม่จำกัด เขาจำกัดกำลังใจ ถ้ากำลังใจมุ่งด้านดีนะ การทำบุญมาก ๆ คำว่า ‘ทำมาก’ หมายความว่า ทำบ่อย ๆ แต่คำว่า ‘บ่อย’ ไม่ต้องทุกวันก็ได้นะ คำว่า ‘มาก’ หมายความว่า ทำเต็มกำลังที่พึงทำ ไม่ใช่ขนเงิน มามาก
เวลาทำบุญ ต้องดูก่อนว่า ค่าใช้จ่ายเรามีความจำเป็นเพียงไร ไอ้เงินที่มีความจำเป็น อย่ านำมาทำบุญ มันจะเดือ ดร้อนภายหลัง และให้เหลือส่วนนั้นไว้บ้าง แล้วแบ่งทำบุญพอสมควร และประการที่ 2 การทำบุญถ้าใช้วัตถุมาก แต่กำลังใจน้อย ก็มีอานิสงส์น้อย ถ้าหากใช้วัตถุน้อย กำลังใจมีมาก ก็มีอานิสงส์มาก อย่ างถวายสังฆทานที่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทนำมานี่ ลงทุนไม่มาก แต่อานิสงส์มหาศาล
ความจริง ถ้าจะพูดถึงอานิสงส์กันจริง ๆ ละก็ รู้สึกว่าจะมากกว่าจัดงานที่บ้านหรือที่วัดตั้งเยอะแยะ ทั้งนี้เพราะว่าอะไร เพราะว่าถวายสังฆทานเราทำกันแบบเงียบ ๆ ไม่มีกังวล การบำเพ็ญกุศลแต่ละคราว ถ้ามีกังวลมาก อานิสงส์มันก็น้อย เพราะว่าจิตที่เราเข้าสู่กุศล มันห่วงงานอื่น มากกว่า ไม่ตั้งจิตโดยเฉพาะ และโดยเฉพาะอย่ างยิ่ง การถวายสังฆทานในหมู่ตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไป
ต ามพระวินัยท่านเรียกว่าคณะสงฆ์ ถ้าต่ำกว่านั้นเป็นคณะบุคคล ถ้าบุคคลเดียวเป็นปาฏิปุคคลิกทาน ทานโดยเฉพาะ ทีนี้การถวายสังฆทานแก่พระสงฆ์เป็นหมู่นี้มีอานิสงส์มาก เรื่องนี้ก็มีตัวอย่ าง คนที่มีท รั พ ย์น้อย ท รั พ ย์มาก อย่ างท่านอินทกะเทพบุตร กับอังกุระเทพบุตร ไงล่ะ ท่านอังกุระเทพบุตร ทำบุญนอ กเขตพระพุทธศาสนา เวลานั้นพระพุทธศาสนาไม่มี
ตั้งโรงทาน 80 โรง ให้ทานถึงสองหมื่นปี เลี้ยงคนกำพร้า คนตกย าก คนเดินทาง พอต ายจากความเป็นคน ไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นเทวดาที่มีบุญน้อยที่สุด เพราะเขตของบุญเล็กไป คนไร้ศีลไร้ธรรม ใช่ไหม? ตรงกันข้าม
ท่านอินทกะเทพบุตร เกิดเป็นคนจน พ่อต าย ตัดฟืนเลี้ยงแม่ ก็ไม่ได้ตัดข า ยมากมาย เอาแค่วัน ๆ พอกินพอใช้ไปวัน ๆ วันหนึ่งพระสงฆ์เดินผ่ านไปที่นั้น ท่านมีโอ กาสได้ถวายทาน ในฐานะไม่ได้เตรียมตัวไว้ก่อน คนจนจะมีอะไรมากนักใช่ไหมล่ะ เพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น
อาศัยคุณความกตัญญูรู้คุณอย่ างหนึ่ง แล้วก็ถวายสังฆทานหนึ่ง สองอย่ างด้วยกัน ต ายแล้วไปเป็นเทวดาที่มีบุญมากที่สุดในดาวดึงส์ นอ กจากพระอินทร์แล้วไม่มีใครโตกว่า’
ที่มาเพจ คำสอนหลวงพ่อฤาษี ( ลิงดำ )
ทำน้อยแต่ได้บุญมาก มีเงินทำบุญน้อยอย ากได้บุญมากๆ นั้นต้องทำอย่ างนี้
Reviewed by Dusita Srikhamwong
on
กรกฎาคม 08, 2563
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: