วิธีขอและให้ อโหสิก ร รม เปลี่ยนชีวิตได้จริง ยิ่งทำ ชีวิต ยิ่งเจริญรุ่งเรือง

ขอและให้ อโหสิก ร รม เปลี่ยนชีวิตได้จริง ยิ่งทำ ชีวิต ยิ่งเจริญรุ่งเรือง


ให้ดี สุขได้จริง ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง

คนเราทุกคนเชื่อว่าต้องการโอกาสในชีวิ ต

แม้จะครั้งเดียวก็ตาม

โดยเฉพาะคนที่เคยทำผิด

ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เจตนาหรือไม่เจตนา

ถ้ารู้สึกสำนึกผิ ด และต้องการแก้ไข

ย่อมรอวันแห่งโอกาส ย่อมรอการให้อภัยจากคนที่เราไปสร้างกร รมเดื อ ดร้อ นกับเขาไว้

คำว่า อโหสิกรร ม หลายคนยังอาจจะเข้าใจผิด

นึกว่าให้อโหสิกรร มแล้วจบหมดทุกอย่าง

ลองมาเข้าใจกันง่ายๆ กันสักนิด

คำว่า อโหสิกรร ม มาจากคำ ๒ คำ คือ

อโหสิ เป็นคำภาษาบาลีแปลว่า ได้มีแล้ว

หมายความว่า ได้ให้ผลเสร็จสิ้นแล้ว

กับคำว่า กรฺม ซึ่งเป็นคำภาษาสันสกฤต
แปลว่า การกระทำ

หมายถึงการกระทำที่มีเจตนา

อโหสิกรร ม แปลรวมกันว่า กรร มที่ไม่ส่งผลแก่ผู้กระทำกรร มอีกต่อไป

กรร มที่ไม่ส่งผลนั้นหรือกลายเป็นอโหสิกรร มนั้น พูดง่ายๆ มีได้อยู่ 3 ทาง คือ

กรร มนั้นส่งผลตามลำดับ ตามหน้าที่ ตามเวลาจนเสร็จสิ้นแล้ว



กรร มนั้นส่งผลไม่ได้เพราะไม่มีคนรับ

เพราะคนที่รับนั้นไปสู่แดนนิพพานไม่มีตัวตนให้ส่งผลได้

และสุดท้าย กรร มนั้นหมดเวลาส่งผลจนกรร มนั้นยุติไป เหตุเพราะรอๆๆๆๆ

จนแทรกส่งผลไม่ได้เลย กรร มประเภทนี้มักเป็นกรร มเบาไม่หนักที่มีเวลาส่งผล

กร ร มนั้นมีเวลาส่งผลด้วย ถ้าหมดเวลาจบไป ตามมารอส่งผลแล้วส่งไม่ได้สักที

เพราะผู้ที่ต้องรับทำความดี บุญมากจนแทรกไม่ได้ หรือมีบา ป

มากกำลังรับผลกรร มนั้นอยู่จนกรร มอื่นแทรกไม่ได้ จนหมดเวลากรร มไป

แม้ว่ามีการให้อโหสิกรร มกันสำหรับคู่กรณี เจ้าหนี้ ลูกห นี้ไม่ติดใจเอาความ ยกโท ษให้

ในคู่กรณีแต่เป็นเรื่องของเวรผูกพัน ที่ไม่โก ร ธ ไม่ตามล่า ไม่อา ฆ า ต

แต่กรร มของคนทำนั้นต้องรับตามหลักพระพุทธศาสนา

คือ บุคคลที่ทำกรร มดีหรือกรร ม ชั่ วโดยมีเจตนาในการทำกรร มนั้น

จะต้องได้รับผลกรร มตามสมควรแก่การกระทำของตน

แต่จะน้อยหรือมากแค่ไหน เร็วหรือช้า ไม่มีใครรู้

เพราะก ฏแห่งกรร มนั้นละเอียดซั บ ซ้อนมาก

อยากพูดด้านการให้อโหสิกรร มก่อน

เวลาใครมาทำให้เราแค้น โก ร ธ สู ญเสี ยอา ฆ า ต จะเอาคืนใจเรานั้นเจ็ บป ว ดท รม านมาก

เหมือนถูกเข็ มแท ง เห ล็ กแ ท ง มีแต่ไ ฟร้อ นในอ ก

ลองยกโทษ ให้อ ภัยไหม

ปลดปล่อยตัวเอง เปลี่ยนชีวิตตัวเอง

หลายคนบอกไม่ได้ เพราะหนักหนาสา หัส สากร รจ์นัก

ลองคิดแบบนี้ คนที่เขาทำเรานั้น วันๆ ที่เราแค้ นทร มา น เขารู้สึกหรือทร มา นกับเราไหม เราคนเดียวหรือเปล่าที่มีแต่ความแค้ นนี้

และคนที่ทำนั้นถ้าเป็นคนที่เรารัก เราจะให้อภัยได้ไหม

หรือลองคิดแบบนี้ไหม ว่าขอสร้างบุญใหญ่สักครั้งในชีวิต

ให้เป็นอภัยทานถวายพระพุทธเจ้าเลย เป็นบุญใหญ่มาก

และนับเป็นทานที่สูงสุด ที่เราสามารถมอบให้ผู้อื่นได้โดยไม่ต้องสละทรัพย์ หรือวัตถุสิ่งของใดๆ

และยังเป็นบุญมาก ด้วยความเม ตต าแม้ต่อผู้ที่ล่วงเกินเรา

นอกจากนี้ ขณะที่อโหสิกรร มนั้น

จิตก็เป็นกุศล ได้บุญอีกชั้นหนึ่ง

ให้อภัยด้วยเมตตา เจริญเมตตา เมตตาต่อตนเองก่อน ปลดปล่อยตัวเองจากก องไ ฟ แล้วจึงเมตตาต่อผู้ที่ล่วงเกินเรา

ถ้าคิดได้ ทำได้ ชีวิตที่ร้อนเราจะเย็น

และถึงเวลาที่ชีวิตเราจะไปในทางดี รุ่งเรือง

ไม่มีกร ร มใด ไม่มีเรื่องใดมาเหนี่ยวรั้ง

ชีวิตเราจะเปลี่ยนไปตลอดกาล


ที่มา...ธ ธรรมรักษ์