อีกไม่นานแล้วก็จากกันแล้ว เวลาที่เราเหลืออยู่กับคนสำคัญจริงๆ อีกซักกี่ปี




อีกไม่นานแล้วก็จากกันแล้ว เวลาที่เราเหลืออยู่กับคนสำคัญจริงๆ อีกซักกี่ปี

อ่านแล้วชอบมาก อีกไม่นานแล้วก็จากกันแล้ว เวลาที่เราเหลืออยู่กับคนสำคัญจริงๆอีกซักกี่ปี

อ่านเถอะ เวลาที่เราเหลืออยู่สำคัญจริงๆ

เฉลี่ยคนเรามีอายุประมาณ 60 ปี หรือประมาณ 720 เดือน…

ไหนลองคิดเป็นสัปดาห์ดูสิ ก็ได้ประมาณ 2,880 สัปดาห์

สมมุติว่าตอนนี้เราอายุประมาณ 20 ปี

ก็แปลว่าเราผ่านการเที่ยววันเสาร์ อาทิตย์มาแล้ว 960 ครั้ง….

960 ครั้ง จาก 2,880 สัปดาห์ ??

นี่แปลว่าเราเหลือเวลาเที่ยวคืนเสาร์อาทิตย์แบ บนี้อีก 1,920 ครั้ง

นึกแล้วอย า กเอาปฏิทินมากางกว้างๆ ตรงหน้าและวางแผนชีวิตกันใหม่เลยทีเดียว

อย่างที่บอกไปแล้วว่าคน เรามีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 60 ปี ถ้าตอนนี้เราเพิ่งอายุประมาณ 20 ปี

ผ่านโลกมาสด ร้อน เกือบ 240 เดือน…แต่ถ้ารู้สึกว่ามันน้อยไป

งั้นลองคิดเป็นนาทีก็จะได้ประมาณ 41,472,000 นาที

หรือถ้าอย า กให้เยอะกว่านี้ก็คิดเป็นวินาทีก็จะได้…เอาไปคิดกันมาเป็นการบ้านละกันนะ….

พอคิดถึงเวลาที่ผ่านไปแล้ว

ก็อดใจหายไม่ได้และไม่อย า กเชื่อตัวเองว่าจะผ่านโลกมานานขนาดนี้

ทั้งที่ชีวิตจริงยังไม่ได้ทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง…

อีกกี่ตารางนิ้วบนโลกนี้มี่ยังไม่ได้ไปเหยียบ

อีกกี่คนต่อกี่คนที่เรายังไม่มีโอกาสได้เจอ

อาหารอีกกี่อย่างที่ยังไม่เคยลิ้มลอง

และอีกกี่ความฝันที่อย า กทำแต่ไม่ได้ทำให้มันเป็นจริง

ทั้ง ที่มีเวลามากมายขนาดนี้ แต่เราไม่เคยคิดทำสิ่งแหล่านี้

ไม่เคยคิดไล่ตามความฝันและความทะย านอย า กของตัวเอง

กลับเอาสมบัติที่น่าจะมีค่าที่สุดของมนุษย์และของทุกชีวิตบนโลกมาใช้ในกิจกssมชวนให้เอาหนังมือด้าน

ไปสัมผัสหนังศีรษะนุ่ม อย่างกิจกssมคร่าเวลา โดยไม่รู้ว่า ไอ้ของเดิมที่มันมีอยู่ก็น้อยพออยู่แล้ว

เวลาไม่เหมือนต้นไม้ หมดแล้วใช่ว่าจะปลูกใหม่ได้ ขนาดต้นไม้ที่ว่าปลูกได้ยังปลูกไม่ทันคน ตั ดเลย

นับประสาอะไรกับเวลาที่นอกจากจะงอกใหม่ไม่ได้และยังหายไปตลอดเวลาอีกต่างหาก

ซ้ำร้ า ยคือเราไม่รู้ว่าเวลาที่มีมันจะหมดเมื่อไหร่….

ไม่มีใครรู้ว่าคืนนี้กลับบ้านไปนอน แล้วรับประกันว่าพรุ่งนี้เช้าคุณจะตื่นขึ้นมาหรือไม่

ไม่แน่ว่าเวลาของคุณอาจจะหมดตั้งแต่หัวถึงหมอนแล้วก็ได้

จงขอบคุณตัวคุณเองที่ตื่นมาในตอนเช้า

และดำเนินชีวิตให้เหมือนกับว่ามันคือวันสุดท้ายของคุณ

ไล่ตามความฝันอย่างสุดโต่ง

ทุ่มเทกับงานที่ทำตรงหน้าดูแลคนที่คุณรักให้เหมือนวันแรกที่คุณรักกัน

ทำดีกับเขาให้เหมือนวันแรกที่คุณเคยทำกอดเขาให้นานที่สุด ให้เหมือนเป็นการกอดครั้งสุดท้ายของเรา…

เพราะวันพรุ่งนี้อาจไม่มีเวลาเหลือไว้ให้คุณทำสิ่งเหล่านี้ก็เป็นได้

ข้ อ คิ ด ดีๆ จาก วันเวลา…ของชีวิตที่เหลืออยู่ อ่ า นให้จบนะ แล้วคุณจะรักตัวเองขึ้นอีกเยอะ…

วันเวลา…ของชีวิตที่เหลืออยู่

คนเราเกิ ดมาอาจจะไม่มีความเท่าเทียมกันในหลาย ด้าน ไม่ว่าจะเป็นฐานะความเป็นอยู่ โอกาสในชีวิต ตลอดจนรูปร่ า งลักษณะบุคลิกภาพเฉพาะตน แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนได้เท่าเทียมกัน คือเวลา ปัญหาอยู่ที่ว่าใครจะตระหนักถึงคุณค่า ใช้เวลาให้เกิດประโยชน์สูงสุด มีประสิทธิภาพมากที่สุด

1 ปี = 365 วัน

5 ปี = 1,825 วัน

10 ปี = 3,650 วัน

20 ปี = 7,300 วัน

40 ปี = 14,600 วัน

60 ปี = 21,900 วัน

70 ปี = 25,550 วัน

ถ้าคิดอายุความสามารถของร่ า งกายที่ 60 ปี ซึ่งเป็นอายุที่ต้องเกษียณอายุตัวเองจากการทำงาน ถ้าเราเริ่มทำงานที่อายุ 21 ปี คนเราจะมีเวลาทำงานประมาณ 14,600 วัน หรือ 2,080 สัปดาห์ และถ้าเราใช้เวลาพักผ่อนไป 1/3 ของวัน (8 ชั่ วโมง/วัน) ในระยะเวลา 40 ปี เราจะใช้เวลาพักผ่อนไปถึง 4,867 วัน เหลือเวลาทำสิ่งต่าง เพียง 9,733 วัน

คนเราไม่ได้คิดว่าสักวันหนึ่ง ชีวิตจะสิ้นสุดลง จึงปล่อยโอกาสอันดีงามให้ผ่านไปอย่างไม่แยแส ในวัยหนุ่มสาวที่แข็งแรงกลับปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ ในเวลาเรียนที่มีค่าอย่างมากกับอนาคตของตนเอง กลับมองออกไปนอกหน้าต่าง สร้างวิมานในอากาศปล่อยให้คำสอนของครูอาจารย์ เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา

ในช่วงเวลาที่ควรค่าแก่การพักผ่อน กลับเที่ยวเตร่จนดึกดื่น หรือดื่มจนเมามาย แล้วตื่นขึ้นมาปว ดหัวหรือตื่นสายในวันรุ่งขึ้นหมดแรงที่จะคิดสร้างสรรค์ผลงานจวบจนแก่ชรา อายุมากขึ้น ภาพอดีตความหลังที่ผ่านมาย้อนให้คิดคำนึงแม้จะพย าย ามไขว่คว้า กาลเวลาที่ผ่านไปก็ไม่อาจหวนคืน

คนเราเกิ ดมาทุกคนกำลังเดินทางไปสู่จุดสุดท้ายของชีวิต นั่นคือจะต้องจากโลกนี้ไปอย่างแน่นอน จะเร็วหรือช้าเท่านั้น ไม่มีใครหนีพ้นกฎของธรรมชาติข้อนี้ไปได้ คนเราเมื่อเกิ ดมาแล้ว ก็จะเจริญเติบโตไปตามช่วงวัยต่าง ในขณะที่อายุเริ่มจะมากขึ้น ความแข็งแรง และความสามารถทางด้านร่ า งกายก็เริ่มลดลง โ ร คภัยไข้เจ็ บก็จะมาเยี่ยมเยียน ซึ่งคำภีร์อินเดียโบราณแบ่งช่วงวัยและอายุไว้ดังนี้

1.วัยแรกเกิ ดถึง 10 ปี เป็นวัยเดียงสา พ่อแม่ต้องฟูมฟักเลี้ยงดู

2.อายุระหว่าง 11-20 ปี เป็นวัยอย า กเล่นอย า กเรียนรู้ กำลังเจริญเติบโต

3.อายุระหว่าง 21-30 ปี เป็นวัยที่เรียกว่าชีวิตสวยงาม ร่ า งกายแข็งแรง

4.อายุระหว่าง 31-40 ปี เป็น ยังมีเรี่ยวแรงกำลังวังชา

5.อายุระหว่าง 41-50 ปี เป็นวัยแห่งการใช้ปัญญา และเริ่มที่จะแก่

6.อายุระหว่าง 51-60 ปี เป็นวัยที่ร่ า งกายเสื่อ มถอย

7.อายุระหว่าง 61-70 ปี เป็นวัยที่ร่ า งกายเสื่อ มถอยมาก

8.อายุระหว่าง 71-80 ปี เป็นวัยที่ใกล้ชราภาพมากแล้ว หลังเริ่มงอ

9.อายุระหว่าง 81-90 ปี เป็นวัยหลงๆ ลืม แสดงถึงสังขารที่เสื่อ มถอยและเริ่มจะทักทายความต า ย

10.อายุระหว่าง 91 ปี ขึ้นไป เป็นวัยที่หมดความรู้สึกหรือต า ยด้าน ทุกกรณี

ที่กล่าวมาเป็นช่วงของชีวิต ที่ทุกคนจะต้องประสบพบเจอหากมีชีวิตยืนย าวแต่ก็ใช่ว่าทุกคนที่เกิ ดจะมีชีวิตยืนย าวเท่ากันทุกคน หลายคนต้องจากไปก่อนวัยอันควร แม้ยังอย า กมีชีวิตอยู่ต่อก็ไม่สามารถที่จะร้องขอได้ เวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต เวลาที่ผ่านไปหรือสูญเสียไป จะสูญเสียตลอดกาล เพราะฉะนั้ นจงใช้เวลาให้เกิ ดประโยชน์สูงสุด อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่เกิ ดอะไรขึ้นมาเลย


ขอบคุณ share-si
อีกไม่นานแล้วก็จากกันแล้ว เวลาที่เราเหลืออยู่กับคนสำคัญจริงๆ อีกซักกี่ปี อีกไม่นานแล้วก็จากกันแล้ว เวลาที่เราเหลืออยู่กับคนสำคัญจริงๆ อีกซักกี่ปี Reviewed by Dusita Srikhamwong on พฤษภาคม 24, 2563 Rating: 5


ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.