อ่านจบแล้วมีแรงสู้ชีวิต..จากหนุ่มน้อยต้นทุนติดลบ สู่การเป็นด็อกเตอร์จบนอก




อ่านจบแล้วมีแรงสู้ชีวิต..จากหนุ่มน้อยต้นทุนติดลบ สู่การเป็นด็อกเตอร์จบนอก

จากเด็กเร่ร่อน เก็บขยะ จนกลายมาเป็นด็อกเตอร์ เรื่องราวที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคน อย่าคิดที่จะยอมแพ้ต่อโชคชะตาตัวเอง อย่ามองว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของตัวเอง

หนุ่มน้อยคนหนึ่งที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน พ่อกับแม่มีลูกทั้งหมด 5 คน และพ่อแม่ก็ได้แยกทางกัน พ่อให้ลูกสาวคนเล็กไปอยู่ด้วย 1 คน ส่วนลูกอีก 4 คนที่เหลือ อาศัยอยู่กับแม่ที่ต้องเลี้ยงดูลูกๆคนเดียว แม่ไม่มีเงินที่จะเลี้ยงลูก จนต้องเอาเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆที่มีในบ้านไปจำนำไว้ จนไม่มีอะไรจะจำนำได้แล้ว แม่จึงต้องไปทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านอาหาร ซึ่งอยู่ไกลมาก หน้าที่ดูแลน้องๆจึงตกเป็นของพี่สาวคนโต ที่ต้องดูแลน้องอีก 3 คน

ในทุกๆเดือน แม่จะส่งเงินมาให้ 500 บ้าง 300 บ้าง ไว้เป็นค่าเช่าห้อง และอีก 200 บาท สำหรับเป็นค่ากับข้าวให้ลูกๆทั้ง 4 คน ใช้กินทั้งเดือน ซึ่งก็ไม่เคยพอใช้เลย พี่สาวคนโตเมื่ออายุได้ 15 ปี ก็ออกไปอยู่ข้างนอกคนเดียว ทุกวันนี้ก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ติดต่อไม่ได้เลย และพี่ชายอีกคนก็ไปเป็นลูกเรือตังเก


ตอนนี้เหลือกันแค่ 2 คน พี่น้อง ซึ่งพี่สาวเป็นคนดูแล แต่ถึงจะเหลือกันแค่ 2 คน ค่าใช้จ่ายก็ยังไม่พอใช้อยู่ดี ยังต้องอยู่กันแบบอดๆอยากๆ วันนั้นพวกเราไม่มีเงินเหลือสักบาท ข้าวก็ไม่ได้กินมาหลายวัน พี่สาวก็พาไปเก็บผักบุ้งในบึงใกล้บ้าน แล้วนำอิฐมาก่อกองไฟ ผัดผักบุ้งในน้ำเปล่า เพื่อกินประทังชีวิต ตอนนั้นมันเป็นรสขาติที่อร่อยมากๆ แต่เมื่อต้องกินแต่ผักบุ้ง ไม่เกิน 2 วัน ร่ายกายก็เริ่มอ้วกออกมาจนหมด

สุดท้ายพี่สาวจึงได้ไปขอข้าวจากเพื่อนบ้านมากิน และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ทำให้พวกเรารู้ว่า เราสามารถขอคนอื่นกินได้ จากนั้นไม่นานพี่สาวก็หนีไปอีกคน ตอนนี้เขาเหลือตัวคนเดียว เป็นคนเร่ร่อน ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ชอบหนีเรียนและไม่ค่อยกลับบ้าน

เขาจะแต่งตัวเหมือนไปโรงเรียนทุกวัน แล้วก็แกล้งกลับมาเปลี่ยนชุดเล่นตอนเย็น แล้วออกไปเล่น เพราะไม่อยากให้เพื่อนบ้านสงสัย เลยทำเป็นว่าใส่ชุดไปโรงเรียนทุกวัน

จากหนุ่มน้อยธรรมดาคนหนึ่ง ก็ได้ก้าวเข้าสู่การเป็นขอทานเต็มตัว เนื้อตัวมอมแมม และยังขี้ขโมยอีกต่างหาก

เขาใช้เวลาอยู่คนเดียวเกือบ 2 ปี หลังจากนั้นแม่ของเขาก็กลับมาอยู่ด้วย ซึ่งวันแรกที่เจอกับแม่ เขารู้สึกดีใจมาก แต่เพราะการที่อยู่คนเดียวมานาน จึงทำให้เขาเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองและดื้อมาก

วันหนึ่งส้วมเต็ม ใช้ไม่ได้ ทำให้เขางอแงที่จะไม่ไปโรงเรียน และในค่ำวันนั้นเอง เขาก็ได้เหมือนเห็นแม่ลุกจากเตียง แล้วจุดไฟที่ชั้นล่าง เขาตามลงมาแอบดูแม่ และก็เห็นว่าแม่กำลังใช้ค้อนสกัดเซาะขอบปูนของส้วมซึมเพื่อเปิดให้มีช่อง จากนั้นก็ใช้กระป๋องสีที่ไม่ใช้แล้ว ตักเอาของเสียออกมาทีละกระป๋อง แล้วเอาไปเททิ้งที่ห่างจากละแวกบ้าน แม่นั่งตักไปทิ้งตั้งแต่ 3 ทุ่ม จนตีสอง ไม่ได้หยุดพักเลย มันทำให้เขาคิดขึ้นมาได้ว่า 




“แม่ทำอะไรให้เขาตั้งหลายอย่าง แล้วตัวเขาล่ะ…เคยทำอะไรเพื่อแม่บ้าง ทำไมไม่ตั้งใจเรียน” 

มันทำให้เขาได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจ และเป็นจุดเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนชีวิตของเขาไปเลย เขาเริ่มหันมาตั้งใจเรียนและสอบได้คะแนนดี พอจบชั้นประถมเขาก็ได้โควต้าเรียนต่อมัธยมที่โรงเรียนประจำจังหวัด

การเก็บขยะ มันทำให้เขาเห็นคุณค่าของสิ่งที่คนอื่นมองว่ามันไม่มีค่า สอนเขาให้อดทน เสาร์อาทิตย์ไม่มีเรียน เขาจะนั่งรถ มาเข็นของไปช่วยแม่เก็บขยะรอบเมือง เขาต้องอดทนต้อความยากลำบากในชีวิต และมุ่งมั่นที่ประความสำเร็จในการเรียนเพื่อทำให้แม่ภูมิใจ

เขาเป็นคนเรียนดีมาตลอด จนได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และก็ได้สอบเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

จากนั้นเขาก็ได้รับทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกด้านวิศวกรรมศาสตร์ที่สถาบันเทคโนโลยีนิปปอน เมืองไซตะมะ ประเทศญี่ปุ่น

ในวันที่เขาเรียนจบ เขาได้ซื้อตั๋วเครื่องส่งไปให้แม่กับน้องสาว เพื่อให้คนที่เขารักเดินทางมาแสดงความยินดีกับเขา เป็นวันที่เขารอคอย ให้คนที่เขารักมากที่สุดได้เห็นความสำเร็จของเขา

ในวันรับปริญญา เขาเห็นแม่ยืนยิ้มอยู่แต่ไกล เขารับรู้ได้เลยว่า แม่จะต้องดีใจและมีความสุขมากแค่ไหนกับวันนี้ เขาค่อยๆก้มลงไปกราบเท้าแม่ แล้วพูดออกมาว่า


“ถ้าไม่มีแม่ค่อยเคี่ยวเข็ญเขา คอยดุ คอยตีให้เขาไปเรียน เขาก็คงไม่มีวันมาถึงจุดนี้ ปริญญาใบนี้…ผมขอมอบให้แม่ครับ”

สองแม่ลูกก็ได้แต่ยืนกอดกันด้วยความดีใจ เขาแทบไม่เชื่อตัวเองว่าคนที่ไม่มีต้นทุนในชีวิต เรียกได้ว่าติดลบ จะเดินทางจนมาถึงวันนี้ได้ วันที่ประสบความสำเร็จในการเรียนตามที่ฝันไว้ ทำให้แม่ภูมิใจในตัวเขาได้บ้าง

หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคนได้ อย่าคิดว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสที่ประสบความสำเร็จได้ เพราะไม่ได้มีต้นทุนทางบ้านมามากมาย ขอให้เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ ว่าต้นทุนนั้น…มันไม่ใช่ตัวการันตีความสำเร็จในชีวิตของเรา แต่ความพยายามมุ่งมั่นต่างหาก ที่จะพาเราไปถึงจุดหมายที่เราตั้งใจเอาไว้


ที่มา นิตยสาร Secret ฉบับที่ 139 เรื่องโดย : ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ เรียบเรียง : เสาวลักษณ์ ศรีสุวรรณ
ภาพโดย : ฝ่ายภาพ อมรินทร์พริ้นติ้งฯ
อ่านจบแล้วมีแรงสู้ชีวิต..จากหนุ่มน้อยต้นทุนติดลบ สู่การเป็นด็อกเตอร์จบนอก อ่านจบแล้วมีแรงสู้ชีวิต..จากหนุ่มน้อยต้นทุนติดลบ สู่การเป็นด็อกเตอร์จบนอก Reviewed by Dusita Srikhamwong on สิงหาคม 20, 2563 Rating: 5


ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.