กว่าจะรู้จัก กว่าจะเข้าใจชีวิต เราก็ผ่านมาครึ่งชีวิตแล้ว (ให้ข้อคิดดีมาก)




กว่าจะรู้จัก กว่าจะเข้าใจชีวิต เราก็ผ่านมาครึ่งชีวิตแล้ว (ให้ข้อคิดดีมาก) 

คนเราเมื่ออายุใกล้ 30 ก็มีความสุขกับเสื้อผ้า กระเป๋าน้อยลง แต่ความสุขของเราเริ่มเกิดขึ้นพอรู้ว่าต่อจากนี้จะใช้ชีวิตอย่างไร จึงจะมีความสุขในแบบที่ตัวเองต้องการ

เราอย ากโทรหาพ่อแม่ทุกครั้งเมื่อมีเวลา เราอย ากสำเร็จให้เร็วที่สุดเพื่อให้พ่อแม่ได้เกษียณ พักผ่อน เพราะเราก็คงอย ากทำเช่นเดียวกันตอนอายุเท่าพ่อแม่

การตั้งใจทำงาน หาเงิน เป็นสิ่งที่ถูกแล้วล่ะ หากยังไม่สำเร็จก็ขยันไป แต่การตั้งใจนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า ต้องให้งานเป็นทั้งหมดของชีวิต

จงสร้างต้นทุ นสุขภาพให้ได้ก่อน สุขภาพเป็นการลงทุ นระยะย าว หากยังไม่เห็นผลตอนนี้แต่ก็ต้องทำ เพื่อให้มีแร งต่อ ย อดต้นทุ นอื่นที่เหลือ

อยู่ก็มาจะครึ่งชีวิตแล้ว เราจะไม่หนีปัญหาไม่ว่าเรื่องใดๆ หากเราละเลยในวันนี้ มันจะกลับมาหาอีกในวันหน้า ไม่ช้าก็เร็ว

เราไม่เอาเรื่องดร า ม่ าในชีวิตมาบ่นในเฟสบุค แม้จะโพสต์แล้วมันทำให้ได้ ร ะ บ า ย แต่เพื่อนทุกคนในเฟส ไม่ได้ต้องการเป็นที่ ร ะ บ า ย ของใคร หากจะมีคงเป็นแค่เพื่อนบางคน และเราเลือกที่จะคุยกับเขาในชีวิตจริงซะมากกว่า

การเลิกแล้วต่อกันแบบที่ไม่ยึดติดกับความคิด ว่าตัวเองผิ ดหรือไม่ผิ ด มันทำให้ชีวิตไปต่อได้ อย่าอยู่กับ กั บ ดั ก อารมณ์นานๆ ปล่อยให้ความจริงปกป้องเรา

ความรักนั้น เวลาคบกันไปนานๆ เรื่องที่เขาคอยทำเพื่อเรามาตลอด เราได้รับบ่อยจนไม่เห็นคุณค่า กลายเป็นว่าสุดท้ายจะไม่มีอะไรดี เพราะเราคาดหวังมากขึ้นเรื่อยๆ

วิธีแก้คือให้กลับบ้าง จะได้รู้ว่าการทำอะไรให้สม่ำเสมอมันก็แสดงว่าเค้ารักเรามากขนาดไหน

ตอนเด็ กจะใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ ไปไหนก็ได้ ตอนโตสังคมคนทำงาน ภาพลักษณ์สำคัญมาก

วันไหนแต่งตัวดีจะรู้สึกเหมือนฟ้าเปิด งานราบรื่น คนที่ตัดสินกันที่ภายนอกมันก็ปกติ เพราะว่ายังไม่รู้จักกันก็คงต้องดูจากที่เห็นก่อนแหละ

แต่บุคลิกภาพดีไม่ได้แปลว่าต้องแต่งตัวรวย หรือสวย เราว่ามันคือความลงตัวและรู้จักกาละเทศะ

รอยยิ้มของเราเป็นสะพานเชื่อมมิตรภาพกับคนใหม่ๆ จงฝึกยิ้มให้คนไม่รู้จัก ถึงจะแป๊กบ้างแต่ก็ยังมีโอกาสได้รู้จักเพื่อนดีๆมากมาย

อย่าติดพูดคำว่าเดี๋ยว จะทำต้องทำเลย เพราะหากไม่ทำเลยก็จะมีเรื่องอื่นมาแทรกจนสุดท้าย กลายเป็นว่าไม่ได้ทำ

เรามองเห็นเพื่อนหลายๆ คนที่โตมาด้วยกัน มีเส้นทางชีวิตที่ต่างกันไป แม้จะไม่ได้คุยกันเลย แต่เชื่อว่า เพื่อนก็ยังเป็นเพื่อนอยู่ตลอดไป

โอกาสมักมาตอนได้เจอคนใหม่ๆ หรือการที่ไปสถานที่ใหม่ๆ

ทุกวัน หลับให้สนิท กินข้าวให้อิ่ม รักตัวเองให้มากๆ

เราอยู่ในโค้งสุดท้ายของวัยที่ยังลองผิ ดลองถูกได้ ช่วงนี้จะถามตัวเองบ่อยๆ ว่ายังมีอะไรที่อย ากลองอีกมั้ย

หากธุรกิจยังไม่นิ่งอย่าเพิ่งดึงเงินออก เพราะเมื่อเจอวิก ฤ ติ จะพั งทั้งระบบเลย

มีคนมากมายที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย และมีผู้ใหญ่หลายคนที่ประสบความสำเร็จตอนอายุมากแล้ว ฉะนั้น มันไม่ได้เกี่ยวกับอายุหรอก

แบ่งเวลาอยู่ในโลก ออนไ ล น์ ให้พอดี อะไรที่มากเกินไปย่อมมีโท ษเป็นปกติ

เมื่อต้องยกเลิกอะไรกับใคร ตัดสินใจได้แล้วให้รีบบอก อย่ารอให้ตัวเองกล้าพูดแล้วค่อยบอก เพราะจะทำให้คนอื่นแก้ปัญหาไม่ทัน

เราอยู่ในวัยที่มีมากพอที่จะแบ่ ง ปั น เป็นผู้ให้ย่อมสุขใจกว่าเป็นผู้รับเสมอ

ความเป็นผู้นำ และการทำงานเป็นทีม จะช่วยให้สำเร็จได้ไว เพราะเราเชื่อในพลังของTeamwork

การคบเพื่อนที่หลากหลาย ทำให้เราเติบโตทางความคิดได้ดีมาก

คนเก่งมาจากไหนหากเจอปัญหาครอบครัวเข้าไป ส่วนใหญ่ ประสิทธิภาพ ลดลงเกิน 80% สำคัญสุดคือ ดูแลความสัมพันธ์ในครอบครัว

หากยังไม่สำเร็จ ลองเปลี่ยนวิธีการไปเรื่อยๆ อย่าทำแต่แบบเดิม

การเปิดใจฟังคำวิ จ า ร ณ์ ช่วยให้เราได้รู้ว่าสิ่งที่ต้อง รีบแก้ไข

เมื่อเราอายุมากขึ้น อย่าเพิ่งลืมความฝันวัยเด็ กที่เคยมี

พ่อแม่ยังมองว่าเราเป็นเด็ กเสมอ แม้วันนี้จะเป็นผู้ใหญ่ก็ตาม ไม่จำเป็นต้องต่อต้ าน เพียงเข้าใจก็พอ

การทำงาน ไหนๆ ก็ต้องใช้เวลาทำ จงทำให้ดีทุกครั้ง เพราะอย่างน้อยเราได้ฝึกพัฒนาตัวเองไปด้วย

เมื่อมีเพื่อนหรือใครมาขอความช่วยเหลือ อย่าช่วยในสิ่งที่ตัวเองต้องมานั่งกลุ้มทีหลัง ความจริงถ้าเขาเห็นเราเป็นเพื่อน ก็คงไม่ทำให้เราต้องลำบากใจตั้งแต่แรก จริงมั้ย!

การตัดสินในช่วยใครๆ แค่เราหวังดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องดูที่ตัวเขาด้วยว่า ได้พย าย ามมากแค่ไหน

ความกดดันแบบ สุ ด ขี ด มักทำให้เราเห็นศักยภาพสูงสุดของเรา และช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุด จะกลายเป็นเรื่องเล่าที่ดีที่สุดในวันที่ผ่านมันไปได้

เวลาตอบคำถามคนอื่น เมื่อเกินจากที่รู้ให้ตอบว่าไม่รู้ อย่าทำเป็นรู้ กล้าถามแค่ครั้งเดียว ดีกว่ากลับไปแล้วทำอะไรต่อไม่ได้เลย

เรามักละเลยคนใกล้ตัว แล้วไปทำดีกับคนไกล แต่พอเจอปัญหา คนใกล้นี่แหละที่ไม่เคยทิ้งเรา

ระ วั ง ทุกการกระทำ คนเราทำดีร้อยครั้งจำไม่ได้ พอผิ ด ครั้งเดียวเท่านั้น จำไม่เคยลืม

อย่าพย าย ามสอนใคร ถ้าเขายังไม่พร้อมที่จะเปิดใจรับฟัง

ยิ่งโตก็มีแต่เรื่องให้ต้องตัดสินใจ แต่ไม่ว่าตัดสินใจยังไง ชีวิตก็ยังต้องเดินหน้าต่อไปเสมอ

แม้แต่คนที่เราเก ลี ย ด ที่สุด ก็ให้บทเรียนที่ดีที่สุดกับเราได้ ทุกอย่างเป็นประสบการณ์ในการพัฒนาตัวเองทั้งนั้น แต่เราต้องคัดกรองให้เป็นว่าเรื่องไหนควรรับ เรื่องไหนควรทิ้ง

สิ่งที่ทำให้เราเปลี่ยนแปลงชีวิตได้มาก ก็มีเท่านี้ คือ

1.พลังบวก

2.ความเจ็ บป วดขั้นสุด

20 กว่าปีที่ผ่านมา เป็นวัยที่ทำมาหากินอย่างรุ น แ ร ง ชีวิตต่อไป ต้องเริ่มบริหารทุกด้านให้เป็นระบบกว่านี้ สุดท้ายแล้ว กว่าจะรู้ว่าชีวิตคืออะไร เราเองก็ได้ใช้มันไปแล้วครึ่งชีวิตแล้วล่ะ

ใจนึงก็กลั วตัวเลข 30 แต่อีกใจ อย ากขอบคุณที่ทุกวันนี้ มุมมองชีวิตของเราเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน


ขอขอบคุณ fastviweuk
กว่าจะรู้จัก กว่าจะเข้าใจชีวิต เราก็ผ่านมาครึ่งชีวิตแล้ว (ให้ข้อคิดดีมาก) กว่าจะรู้จัก กว่าจะเข้าใจชีวิต เราก็ผ่านมาครึ่งชีวิตแล้ว (ให้ข้อคิดดีมาก) Reviewed by Dusita Srikhamwong on กันยายน 19, 2563 Rating: 5


ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.