คนใจเย็น คือ คนที่ระงับความโกรธ ความเครียดของตัวเองได้ และความวิตกกังวลนั้นเป็นตัวการที่ทำให้เราโมโหได้ เมื่อคุณโมโหขึ้นมา การควบคุมอารมณ์ของตัวเองนั้นอาจจะเป็นไปไม่ได้เลย
อย่างไรก็ตาม คุณสามารถสอนตัวเองให้ใจเย็นลงได้ ซึ่งทักษะที่มีค่าแบบนี้จะช่วยให้คุณจัดการกับสถาณการณ์และอารมณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดคิดเอาไว้ได้ ดังนั้น เรียนรู้การบริหารร่างกายและจิตใจจะช่วยสอนให้คุณก้าวผ่านสถานณการณ์ที่น่าโมโหไปได้
และวันนี้เราจะสอนตัวของเราเอง โดยมี 15 ข้อที่เรานั้นต้องทำให้ได้แล้วเรานั้นจะเป็นคนที่มีเส้นทาางของคนฉลาดนั้นเองค่ะ จะมีอะไรกันบ้างนั้นเราไปชมพร้อมๆกันเลยค่ะ
1. เข้าหูซ้ายทะ ลุหุขวา
อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ เพราะปกติแล้วคำว่า ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา นั้นเขาใช้เปรียบเปรยคนที่ฟังอะไรแล้วไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่รับความคิดใหม่ๆ เข้ามาแต่ตอนนี๊ผมกำลังหมายถึง ถ้าเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้ว การฟังแบบเข้าหูซ้ายทะ ลุหูขวานั้น นับเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้เราไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ใครกล่าวมา
2. รู้เขารู้เรา
บางครั้งแค่เราลองมองใส่ใจนิสัยของคนรอบข้างบ้าง ก็สามารถที่จะทำให้เราอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างไม่ຢากเย็น แต่เราจะต้องรู้จักระงับสติอารมณ์ของเราด้วยเพราะเมื่อเราทราบแล้วว่าเขาเป็นคนแบบนี๊ หากเรารับนิสัยเขาไม่ได้ ก็ให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้เป็นดีที่สุด จะได้ไม่ต้องมีเรื่องมีราวกัน
3. กินอย่างมีสติ
บางครั้งเราก็ทานไปด้วยคุยโทรศัพท์ไปด้วย บางครั้งก็ทานไปด้วยดูจอทีวี จอมือถือไปด้วย แล้วครั้งสุดท้ายที่ทานอาหารทีละคำ รับรสชาติ แล้วขอบคุณอาหารในมื้อนั้น คือเมื่อไหร่กันหรือ
4. ตื่นอย่างมีสติ
แทนที่จะตื่นมาแล้วเช็คข่าวสารจากโซเชียลมีเดียเป็นสิ่งแรกของวัน ให้เวลาตัวเองซัก 5 ถึง 10 นาที นั่งสมาธินิ่งๆ ก่อนจะรับข่าวสารอื่นๆ เพื่อช่วยให้การเริ่มต้นวันใหม่เป็นไปอย่างมั่นคงในอารมณ์
5. ทำงานอย่างมีสติ
ท่ามกลางมรสุมงาน และการติดต่อผู้คนมากมายตลอดวัน เราก็สามารถ ฝึกสติรู้เนื้อรู้ตัวได้ง่ายๆ เพียงหลับตาลงหายใจเข้าและออกลึกๆสัก5 รอบลมหายใจ โดยให้สติตามลมหายใจ โดยไม่คิดเรื่องอื่น แล้วค่อยกลับไปโฟกัสกับงานตรงหน้าใหม่อีกครั้ง
6. เดินอย่างมีสติ
เดินไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างขอบคุณร่างกายที่ยังมีกำลังมากพอให้สามารถเดินได้ ขอบคุณถนนหนทางที่สะดวกสบายมากพอจนเดินก้าวไปได้ และเดินด้วยใจกรุณาด้วยความรู้สึกว่า อຢากสร้างแต่รอย ย่ำอันงดงามให้กับโลกใบนี๊
7.ขอโทษ
หากเราทำผิด การใช้คำว่าขอโทษนั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด ไม่ใช่เรื่องຢากเลย ถ้าเราจะต้องเอ่ยคำขอโทษ เพราะคำคำนี๊ไม่ได้ทำให้ศักดิ์ศรีของเราตกต่ำลง หากแต่เป็นการรู้จักยอมรับในสิ่งที่ตนเองผิดต่างหากอีกทั้งยังจะทำให้สถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ คลี่คลายลงได้ อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรใช้คำขอโทษอย่ างพร่ำเพรื่อเพราะจะทำให้ติดเป็นนิสัยที่ไม่ดี ทำอะไรก็ไม่ระมัดระวัง
8. ปล่อยวางไม่ยึดติด
ปัญหาที่เกิดขึ้นนทุกวันนี๊ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะคนเรามีอัตตามากเกินไป หากเราลองเปลี่ยนความคิดไม่ยึดติดกับตัวตน แล้วลองคิดว่า สุดท้ายวันหนึ่งเราก็ต้อง แตกดับและสลายไป วนเวียนเป็นวัฏจักรเช่นนี๊เรื่อยไปเพราะฉะนั้น ถ้าเรายอมรับกับวัฏจักรแห่งการเกิดดับนี๊แล้ว ไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็คงเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
9.สนทนาอย่ างมีสติ
ฟังอย่างตั้งใจ ฟังโดยไม่คิดตัดสินคู่สนทนา เปลี่ยนสภาพตัวเองให้เป็นเหมือนภาชนะว่างเปล่าที่พร้อมรับฟังบุคคลตรงหน้า ขณะที่เมื่อพูดก็ตระหนักถึงความงดงามของความสัมพันธ์ระหว่างคุณและคู่สนทนาสื่อสารด้วยความรัก ด้วยความหวังดีด้วยใจที่อຢ ากจะสร้างสรรค์ความหมายดีๆ ระหว่างกัน
10. คิดมากไปหรือเปล่า
อาการคิดมากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคได้ ยิ่งอากาศร้อนๆ ยิ่งเหตุการณ์อะไรๆ ก็ไม่เป็นใจด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ร้อนรน เมื่อเกิดเรื่องก็จะยิ่งเก็บมาคิดจนไม่เป็นอันกินอันนอนลองเปลี่ยนจากความคิดเรื่องแย่ ๆ เปลี่ยนเป็นคิดเรื่องดีๆบ้างสิครับ เพราะความคิดนั้นเป็นตัวกำหนดวิถีชีวิตของเราไม่เชื่อลองทำดูคิดดีทำดีเท่านี๊พอ
11. นับหนึ่งให้ถึงสิบ
เริ่มจากวิธีพื้นฐานอย่างนับเลขในใจ เวลาที่เราโกรธใครให้ลองนับหนึ่งถึงสิบ หรือจะนับถึงร้อยถึงพันก็คงไม่มีใครว่า เพราะการนับเลขจะส่งผลให้เรามีสมาธิ และยังได้มีเวลาไตร่ตรองคิดถึง สิ่งที่ผู้อื่นทำกับเรา และสิ่งที่เรากำลังคิดจะทำด้วย
12. ฝึกสมาธิ
การฝึกสมาธิให้ใจสงบนั้นมีหลายรูปแบบ จะนั่งสมาธิหรือเดินสมาธิก็ได้ อย่างที่ผมเคยเขียนในเล่มก่อนๆ ว่าเมื่อมีสมาธิก็มีสติ เมื่อมีสติก็เกิดปัญญาเวลาเกิดปัญหาก็จะมีทางแก้ไข
13. ยิ้มแห่งสຢาม
รอยยิ้มสร้างโลกนี๊ให้สดใสได้ เหมือนดังคำที่บอกว่าถ้าคุณยิ้ม โลกก็จะยิ้มให้คุณ เพียงแค่คุณไปไหนแล้ว มีแต่รอยยิ้มให้คนรอบข้างคนรอบข้างก็จะอารมณ์ดีขึ้นไปด้วย
14. ไม่หนีแต่ไม่ปะทะ
หากเราไม่สามารถ จะทำอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิ ดขึ้นตรงหน้าได้แต่จะเก็บเอาไว้ก็กลัวจะกลายเป็นคนเก็บกดจะเดินหนี ก็จะกลายเป็นคนไม่ยอมรับความจริงหากเกิ ดเหตุการณ์แบบนี๊คงต้องใช้สติที่รอบคอบตั ดสินใจในการแก้ปัญหารับฟังสิ่งที่ผู้อื่นว่ามา แล้วก็นำไปปรับปรุงในส่วนที่ไม่ดี หากแต่เป็นสิ่งที่เขาพูดพร่ำเพรื่อก็ไม่ต้องกังวลให้เสียเวลา เลิกคิดไปเลยไม่จำเป็นต้องไปต่อปากต่อคำด้วย เพราะการทำเช่นนั้น ไม่ได้ส่งผลดีอะไรขึ้นมาเลย
15. หายใจเข้าและออกลึกๆ
การหายใจเข้าออกลึกๆนานๆ จะทำให้เราได้มีสติยั้งคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และทำให้ร่างกายเราได้รับการผ่อนคลายจากลมหายใจที่รับเข้าและส่งออกดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลง
ข้อมูลข่าวจาก https://bit.ly/39lIwGy
และวันนี้เราจะสอนตัวของเราเอง โดยมี 15 ข้อที่เรานั้นต้องทำให้ได้แล้วเรานั้นจะเป็นคนที่มีเส้นทาางของคนฉลาดนั้นเองค่ะ จะมีอะไรกันบ้างนั้นเราไปชมพร้อมๆกันเลยค่ะ
1. เข้าหูซ้ายทะ ลุหุขวา
อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ เพราะปกติแล้วคำว่า ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา นั้นเขาใช้เปรียบเปรยคนที่ฟังอะไรแล้วไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่รับความคิดใหม่ๆ เข้ามาแต่ตอนนี๊ผมกำลังหมายถึง ถ้าเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้ว การฟังแบบเข้าหูซ้ายทะ ลุหูขวานั้น นับเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้เราไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ใครกล่าวมา
2. รู้เขารู้เรา
บางครั้งแค่เราลองมองใส่ใจนิสัยของคนรอบข้างบ้าง ก็สามารถที่จะทำให้เราอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างไม่ຢากเย็น แต่เราจะต้องรู้จักระงับสติอารมณ์ของเราด้วยเพราะเมื่อเราทราบแล้วว่าเขาเป็นคนแบบนี๊ หากเรารับนิสัยเขาไม่ได้ ก็ให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้เป็นดีที่สุด จะได้ไม่ต้องมีเรื่องมีราวกัน
3. กินอย่างมีสติ
บางครั้งเราก็ทานไปด้วยคุยโทรศัพท์ไปด้วย บางครั้งก็ทานไปด้วยดูจอทีวี จอมือถือไปด้วย แล้วครั้งสุดท้ายที่ทานอาหารทีละคำ รับรสชาติ แล้วขอบคุณอาหารในมื้อนั้น คือเมื่อไหร่กันหรือ
4. ตื่นอย่างมีสติ
แทนที่จะตื่นมาแล้วเช็คข่าวสารจากโซเชียลมีเดียเป็นสิ่งแรกของวัน ให้เวลาตัวเองซัก 5 ถึง 10 นาที นั่งสมาธินิ่งๆ ก่อนจะรับข่าวสารอื่นๆ เพื่อช่วยให้การเริ่มต้นวันใหม่เป็นไปอย่างมั่นคงในอารมณ์
5. ทำงานอย่างมีสติ
ท่ามกลางมรสุมงาน และการติดต่อผู้คนมากมายตลอดวัน เราก็สามารถ ฝึกสติรู้เนื้อรู้ตัวได้ง่ายๆ เพียงหลับตาลงหายใจเข้าและออกลึกๆสัก5 รอบลมหายใจ โดยให้สติตามลมหายใจ โดยไม่คิดเรื่องอื่น แล้วค่อยกลับไปโฟกัสกับงานตรงหน้าใหม่อีกครั้ง
6. เดินอย่างมีสติ
เดินไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างขอบคุณร่างกายที่ยังมีกำลังมากพอให้สามารถเดินได้ ขอบคุณถนนหนทางที่สะดวกสบายมากพอจนเดินก้าวไปได้ และเดินด้วยใจกรุณาด้วยความรู้สึกว่า อຢากสร้างแต่รอย ย่ำอันงดงามให้กับโลกใบนี๊
7.ขอโทษ
หากเราทำผิด การใช้คำว่าขอโทษนั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด ไม่ใช่เรื่องຢากเลย ถ้าเราจะต้องเอ่ยคำขอโทษ เพราะคำคำนี๊ไม่ได้ทำให้ศักดิ์ศรีของเราตกต่ำลง หากแต่เป็นการรู้จักยอมรับในสิ่งที่ตนเองผิดต่างหากอีกทั้งยังจะทำให้สถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ คลี่คลายลงได้ อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรใช้คำขอโทษอย่ างพร่ำเพรื่อเพราะจะทำให้ติดเป็นนิสัยที่ไม่ดี ทำอะไรก็ไม่ระมัดระวัง
8. ปล่อยวางไม่ยึดติด
ปัญหาที่เกิดขึ้นนทุกวันนี๊ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะคนเรามีอัตตามากเกินไป หากเราลองเปลี่ยนความคิดไม่ยึดติดกับตัวตน แล้วลองคิดว่า สุดท้ายวันหนึ่งเราก็ต้อง แตกดับและสลายไป วนเวียนเป็นวัฏจักรเช่นนี๊เรื่อยไปเพราะฉะนั้น ถ้าเรายอมรับกับวัฏจักรแห่งการเกิดดับนี๊แล้ว ไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็คงเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
9.สนทนาอย่ างมีสติ
ฟังอย่างตั้งใจ ฟังโดยไม่คิดตัดสินคู่สนทนา เปลี่ยนสภาพตัวเองให้เป็นเหมือนภาชนะว่างเปล่าที่พร้อมรับฟังบุคคลตรงหน้า ขณะที่เมื่อพูดก็ตระหนักถึงความงดงามของความสัมพันธ์ระหว่างคุณและคู่สนทนาสื่อสารด้วยความรัก ด้วยความหวังดีด้วยใจที่อຢ ากจะสร้างสรรค์ความหมายดีๆ ระหว่างกัน
10. คิดมากไปหรือเปล่า
อาการคิดมากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคได้ ยิ่งอากาศร้อนๆ ยิ่งเหตุการณ์อะไรๆ ก็ไม่เป็นใจด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ร้อนรน เมื่อเกิดเรื่องก็จะยิ่งเก็บมาคิดจนไม่เป็นอันกินอันนอนลองเปลี่ยนจากความคิดเรื่องแย่ ๆ เปลี่ยนเป็นคิดเรื่องดีๆบ้างสิครับ เพราะความคิดนั้นเป็นตัวกำหนดวิถีชีวิตของเราไม่เชื่อลองทำดูคิดดีทำดีเท่านี๊พอ
11. นับหนึ่งให้ถึงสิบ
เริ่มจากวิธีพื้นฐานอย่างนับเลขในใจ เวลาที่เราโกรธใครให้ลองนับหนึ่งถึงสิบ หรือจะนับถึงร้อยถึงพันก็คงไม่มีใครว่า เพราะการนับเลขจะส่งผลให้เรามีสมาธิ และยังได้มีเวลาไตร่ตรองคิดถึง สิ่งที่ผู้อื่นทำกับเรา และสิ่งที่เรากำลังคิดจะทำด้วย
12. ฝึกสมาธิ
การฝึกสมาธิให้ใจสงบนั้นมีหลายรูปแบบ จะนั่งสมาธิหรือเดินสมาธิก็ได้ อย่างที่ผมเคยเขียนในเล่มก่อนๆ ว่าเมื่อมีสมาธิก็มีสติ เมื่อมีสติก็เกิดปัญญาเวลาเกิดปัญหาก็จะมีทางแก้ไข
13. ยิ้มแห่งสຢาม
รอยยิ้มสร้างโลกนี๊ให้สดใสได้ เหมือนดังคำที่บอกว่าถ้าคุณยิ้ม โลกก็จะยิ้มให้คุณ เพียงแค่คุณไปไหนแล้ว มีแต่รอยยิ้มให้คนรอบข้างคนรอบข้างก็จะอารมณ์ดีขึ้นไปด้วย
14. ไม่หนีแต่ไม่ปะทะ
หากเราไม่สามารถ จะทำอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิ ดขึ้นตรงหน้าได้แต่จะเก็บเอาไว้ก็กลัวจะกลายเป็นคนเก็บกดจะเดินหนี ก็จะกลายเป็นคนไม่ยอมรับความจริงหากเกิ ดเหตุการณ์แบบนี๊คงต้องใช้สติที่รอบคอบตั ดสินใจในการแก้ปัญหารับฟังสิ่งที่ผู้อื่นว่ามา แล้วก็นำไปปรับปรุงในส่วนที่ไม่ดี หากแต่เป็นสิ่งที่เขาพูดพร่ำเพรื่อก็ไม่ต้องกังวลให้เสียเวลา เลิกคิดไปเลยไม่จำเป็นต้องไปต่อปากต่อคำด้วย เพราะการทำเช่นนั้น ไม่ได้ส่งผลดีอะไรขึ้นมาเลย
15. หายใจเข้าและออกลึกๆ
การหายใจเข้าออกลึกๆนานๆ จะทำให้เราได้มีสติยั้งคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และทำให้ร่างกายเราได้รับการผ่อนคลายจากลมหายใจที่รับเข้าและส่งออกดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลง
ข้อมูลข่าวจาก https://bit.ly/39lIwGy
15 ข้อ สอนตัวเองให้เป็นคนใจเย็น เพราะเป็นเส้นทางของคนฉลาด
Reviewed by Dusita Srikhamwong
on
ตุลาคม 10, 2563
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: