แบ่งปันเคล็ดลับการทอดกุนเชียงให้สุก สีสวย อร่อย ไม่ไหม้ แห้งแต่ไม่อมน้ำมัน




แบ่งปันเคล็ดลับการทอดกุนเชียงให้สุก สีสวย อร่อย ไม่ไหม้ แห้งแต่ไม่อมน้ำมัน

เรียกว่าเป็นอาหารที่หาทานได้ง่าย อย่างกุนเชียงเป็นอาหารชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิย ม รวมถึงสามารถเก็บเป็นเหมือนของแห้งไว้ทานได้นาน เพียงแต่ต้องเก็บ รั ก ษ า อ ย่ า งถูกวิธี


แต่หลายคนมักจะต้องเจอกับปัญหา เมื่อเวลาจะนำกุนเชียงไปประก อ บ อ า ห า ร แต่พอนำไปทอดแล้วกลับไหม้บ้าง ไม่น่าทานหรือบางคนอาจกะระยะเวลาและระดับไฟของเตาแก๊สไม่ถูกทำให้เมื่อนำกุนเชียงไปทอดก็จะดูไหม้เป็นสีดำ ไม่น่าทาน

หลายคนทำผิดมาตั้งนาน

วิธีที่คนส่วนใหญ่ทำคือนำกุนเชียงมา หั่ น ท่อนเป็นแว่นๆ แล้วนำไปทอดในน้ำมันร้อนๆ เมื่อทอดลงกระทะกุนเชียงจะพองตัว ให้พลิกด้านสลับไปมา แต่ถ้าหากเผลอไม่ระวั งกุนเชียงจะไหม้เป็นสีดำทันที

เคล็ดลับง่ายๆที่สามารถทำได้ในทุกครัวเรือน



โดยเริ่มต้นที่เตรียมกุนเชียงไว้รอ หั่ น ให้เรียบร้อยแล้วตั้งไฟและกระทะ ใส่น้ำเล็กน้อยรอจนน้ำเริ่มเดือด แล้วค่อยใส่กุนเชียงที่ หั่ นเตรียมไว้ลงไป และใช้ตะหลิวคนไปเรื่อยๆ

จนเห็นว่าน้ำเริ่มงวดแล้วหมายถึงเริ่มใกล้สุก ให้คนต่อไปเรื่อยๆ น้ำมันในตัวของกุนเชียงจะเริ่มออกมา แปลว่ากุนเชียงสุกได้ที่แล้ว จากนั้นให้ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน พักไว้กับกระดาษซับน้ำมัน

หากชอบแบบกรอบๆ ก็ให้คนต่อไปอีกซักพักจนพอเหลืองทั่วแล้วให้รีบตักขึ้น เพราะกุนเชียงส่วนใหญ่จะค่อนข้างสุกเร็วและไหม้ได้ง่ายด้วย กุนเชียงมีมั น ห มูเป็นส่วนประกอบจึงทำให้สุกง่ายน่าทานและมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย

โดยกุนเชียงนั้นสามารถหา ซื้ อ ได้ง่ายและเก็บไว้ทานได้นาน ยิ่งในช่วงกักตัวของใครหลายคน ไม่สะดวกในการออกจากบ้านบ่อยนัก การซื้ออาหารแห้งกั ก ตุ นไว้ก็เป็นการลดความเสี่ยง ทำให้ไม่จำเป็นต้องออกบ้านบ่อยครั้ง และกุนเชียงก็เก็บไว้ทานได้นาน แถมยังรังสรรค์เป็นเมนู อ า ห า ร ที่หลากหลาย ไม่มีเบื่อ

แต่ทั้งนี้ก็ควรเลือก ซื้ อกุนเชียงที่ผลิตออกมาในชนิดที่ไม่ใส่วัตถุกันเสียแบบเกินค่ามาตรฐานจากทาง อ ง ค์ ก า รอา ห าร แล ะย า (อ ย.) เพื่อให้สามารถทานได้อ ย่ า งปลอดภั ยไม่เป็นอั น ต ร า ยต่อร่ างกายอีกด้วยค่ะ


ที่มา krustory โลกวันนี้
แบ่งปันเคล็ดลับการทอดกุนเชียงให้สุก สีสวย อร่อย ไม่ไหม้ แห้งแต่ไม่อมน้ำมัน แบ่งปันเคล็ดลับการทอดกุนเชียงให้สุก สีสวย อร่อย ไม่ไหม้ แห้งแต่ไม่อมน้ำมัน Reviewed by Dusita Srikhamwong on ตุลาคม 25, 2564 Rating: 5


ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.