ประคบแก้อาการอักเสบ เคล็ดขัดยอก ฟกช้ำ ปวดบวม ด้วยใบพลับพลึง
พลับพลึง เป็นพรรณไม้สมุนไพรที่นิยมปลูกไว้ตามบ้านเรือนมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นพรรณไม้ล้มลุกขึ้นเป็นกอ และมีหัวอยู่ใต้ดิน เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ชุ่มน้ำ หรือในพื้นที่ที่มีความชื้นค่อนข้างสูง เช่น หนอง บึง ริมคลอง เป็นต้น ถ้าต้องการให้มีดอกมากให้ปลูกในพื้นที่กลางแจ้ง แต่ถ้าต้องการให้ใบสวยให้ปลูกในที่ที่มีแสงแดดรำไร
ซึ่งมีการพบเห็น 2 ชนิดคือ พลับพลึงดอกขาว และ พลับพลึงดอกแดง โดยพลับพลึงขาว หรือ พลับพลึง เป็นพรรณไม้ที่สามารถพบได้ในประเทศจีน อินเดีย ญี่ปุ่น และฮ่องกง มีชื่อสามัญ Crinum lily หรือ Cape lily, Spider lily, Poison bulb ชื่อวิทยาศาสตร์ Crinum asiaticum L.
ส่วนพลับพลึงดอกแดง เป็นพันธุ์ไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา มีชื่อสามัญ Giant lily , Red crinum มีชื่อวิทยาศาสตร์ Crinum × amabile Donn หรือ Crinum × amabile Donn ex Ker Gawl.
พลับพลึง มีสรรพคุณทางยาอยู่หลายประการ โดยส่วนที่นำมาใช้ก็ได้แก่ ใบ ราก และเมล็ด ถึงแม้ว่าพลับพลึงจะมีประโยชน์อยู่มากมาย แต่ก็นำมาใช้ได้แค่ภายนอกเท่านั้น เราจะไม่ใช้พลับพลึงเป็นยากินหรือใช้ภายในเนื่องจากมีพิษนั่นเอง
ประโยชน์ของพลับพลึง
ใช้ปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับเพื่อความสวยงามและให้กลิ่นหอม
ประโยชน์ในด้านของพิธีกรรมความเชื่อ ก็มีการใช้ใบพลับพลึงนำมาซอยแล้วใส่ลงในขันน้ำมนต์ นำมาใช้ประพรมตัวเพื่อขับไล่ผีสางหรือสิ่งอัปมงคล
ในด้านของความเป็นศิริมงคล มีการปลูกต้นพลับพลึงไว้ในบ้านเพื่อแก้เคล็ด ช่วยขับไล่สิ่งที่ไม่เป็นมงคล ช่วยให้ชนะสิ่งไม่ดีทั้งปวงได้
กาบใบสีเขียวของพลับพลึงมีคุณสมบัติคล้ายใบตอง สามารถนำมาใช้ทำเป็นงานฝีมือหรืองานประดิษฐ์ดอกไม้ได้ เช่น การทำกระทง งานแกะสลัก เป็นต้น
ดอกพลับพลึงสามารถนำไปวัดหรือใช้บูชาพระได้ (ลั้วะ)
ดอกพลับพลึงมีกลิ่นหอม ช่อใหญ่และยาว นิยมนำมาใช้จัดแจกัน ทำกระเช้าดอกไม้ หรือมอบให้เป็นช่อเดี่ยว ๆ แทนดอกลิลี่ก็ได้
สรรพคุณทางยา อ้างอิง wikipedia
ใบ คนโบราณจะรู้กันดีว่าสามารถนำมารักษาอาการปวดเมื่อย กล้ามเนื้ออักเสบ คลายเส้น แก้อาการฟกช้ำปวดบวมได้
และยังสามารถนำไปใช้กับคุณแม่ที่เพิ่งคลอด หรืออยู่ไฟได้ โดยเอามาประคบหน้าท้อง ทำให้มดลูกเข้าที่อยู่ตัว น้ำคาวปลาแห้ง ขจัดไขมันส่วนเกิน และขับของเสียต่าง ๆ ออกจากร่างกายคุณแม่ที่เพิ่งคลอดได้ด้วย
นอกจากนั้นยังมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง ขับเสมหะ เป็นยาระบาย ทำให้คลื่นเหียนอาเจียน รักษาโรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะและน้ำดี
เมล็ด สามารถขับเลือดประจำเดือนให้ออกมาให้หมดได้
ราก สามารถนำมาตำแล้วพอกแผลก็ได้
พลับพลึง เป็นสมุนไพรที่คนไทย และคนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รู้จักกันดี ทั้งไทย เขมร เวียดนาม พม่า ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ต่างมีพลับพลึงเป็นพืชประจำถิ่น และใช้ในสรรพคุณเดียวกันคือ แก้ปวด แก้อักเสบ ช้ำบวม แก้ปวดหัว แก้ไข้
โดยคนไทยโบราณนิยมนำใบพลับพลึงมารักษาอาการปวดเมื่อย กล้ามเนื้ออักเสบ คลายเส้น แก้อาการฟกช้ำปวดบวม และใช้ใบประคบหน้าท้องคุณแม่หลังคลอดหรืออยู่ไฟ เพื่อให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น
พลับพลึงจะใช้เป็นยาภายนอก โดยนำใบมาลนไฟ แล้วพันตามอวัยวะที่เคล็ดยอก บวม หักแพลง หรือพันรอบศีรษะแก้ปวดหัว หรือใช้ทำเป็นยาประคบ ยาอบ ยาย่าง ยานอน แต่ไม่ใช้เป็นยากิน เนื่องจากมีพิษ ทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียได้...อ้างอิง สมุนไพรอภัยภูเบศร
สรรพคุณของพลับพลึงดอกขาว
พลับพลึงมีสรรพคุณใช้เป็นยาบำรุงกำลัง (ใบ)
ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ ด้วยการใช้ใบมาอังไฟแล้วใช้พันรอบศีรษะไว้ อาการปวดศีรษะก็จะทุเลาลง (ใบ)
ช่วยขับเสมหะ (ใบ)
ราก เมื่อนำไปเคี่ยวให้แหลกจนเป็นน้ำ แล้วกลืนเอาแต่น้ำเข้าไปจะช่วยทำให้อาเจียน (ราก)
ช่วยทำให้คลื่นเหียนอาเจียน (ใบ)
ใช้เป็นยาระบาย (ใบ)
ใบใช้ลนไฟ ช่วยรักษาโรคไส้เลื่อนได้ (ใช้กันในแถบจังหวัดสุพรรณบุรี)
ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะและน้ำดีได้ (ใบ)
ช่วยขับเลือดประจำเดือนให้ออกมาจนหมด (เมล็ด)
ใบพลับพลึงสามารถนำมาใช้รักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย กล้ามเนื้ออักเสบ (ใบ)
ใบใช้ทำเป็นยาประคบ สูตรแก้ปวดเมื่อย เคล็ดขัดยอก แก้อาการวิงเวียนศีรษะ ช่วยบำรุงผิว ด้วยการใช้ใบพลับพลึง / ใบมะขาม / ใบส้มป่อย / ใบเปล้า / ใบหนาด / ขมิ้นชัน / ไพล / การบูร / ผิวมะกรูด / เกลือแกง นำมาตำผสมกันแล้วทำเป็นยาประคบ (ใบ)
ใบใช้ทำเป็นยาประคบเพื่อคลายเส้น ด้วยการใช้ใบพลับพลึง 8 บาท / ไพล 4 บาท / อบเชย 2 บาท / ใบมะขาม 12 บาท / เทียนดำ 1 บาท / เกลือ 1 บาท นำมาตำห่อผ้าแล้วนึ่งให้ร้อน แล้วนำมาใช้ประคบเส้นที่ตึงให้คลายได้ (ใบ)
ช่วยแก้อาการปวดบวม ฟกช้ำดำเขียว อาการเคล็ดขัดยอก ข้อเท้าพลิกแพลงได้ ด้วยการใช้ใบพลับพลึงนำมานึ่งไฟให้ใบอ่อนตัวลง แล้วนำมาพันรอบบริเวณที่เจ็บ (ใบ)
ใช้ทำเป็นยาย่างช่วยรักษาอาการเลือดตกใน ตกต้นไม้ หรือควายชน ด้วยการใช้ ใบพลับพลึง / ใบชมชื่น / ใบหนาด / ใบเปล้าใหญ่ / ใบส้มป่อย นำมาหั่นและตำแล้วนำไปทำยาย่าง (ใบ)
ช่วยแก้อาการปวดกระดูก ด้วยการใช้ใบพลับพลึงตำผสมกับข่าและตะไคร้ นำไปหมกไฟแล้วนำมาพอกบริเวณที่ปวดกระดูก (ใบ)
รากพลับพลึงใช้พอกแผลได้ ด้วยการนำรากมาตำแล้วพอกบริเวณบาดแผล (ราก)
ใบใช้ประคบแก้ถอนพิษได้ดี (ใบ)
รากพลับพลึงสามารถใช้รักษาพิษจากยางน่องได้ (ราก)
ใบพลับพลึงสามารถนำมาใช้กับคุณแม่ที่เพิ่งคลอดบุตรหรือการอยู่ไฟได้ ด้วยการใช้ใบประคบบริเวณหน้าท้อง จะช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว ทำให้น้ำคาวปลาแห้ง ช่วยขับของเสียต่าง ๆ ออกจากร่างกายได้ นอกจากนี้ยังช่วยขจัดไขมันส่วนเกินได้อีกด้วย (ใบ)
ใบพลับพลึงมีสารในกลุ่มอัลคาลอยด์ที่ชื่อว่า Lycorine ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยต่อต้านไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคโปลิโอและโรคหัด (ใบ)
ฃ
สรรพคุณของพลับพลึงดอกแดง
สารสกัดจากใบมีฤทธิ์ช่วยต้านการเจริญเติบโตของเนื้องอก (ใบ)
หัวมีรสขม ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง (หัว)
เมล็ดใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย (เมล็ด)
ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการใช้ใบพลับพลึงเพียงอย่างเดียว หรือใช้ร่วมกับชนิดอื่น ๆ (ใบ)
จะใช้ใบพลับพลึงอย่างเดียวหรือจะใช้ร่วมกับชนิดอื่น ๆ แล้วนำไปตำเพื่อปิดบริเวณที่มีอาการปวด เพื่อใช้รักษาอาการปวดศีรษะ (ใบ)
ช่วยขับเสมหะ (หัว)
ใบมีรสเอียน เมื่อนำไปต้มรับประทานจะทำให้อาเจียน หรือจะใช้รากนำมาเคี้ยวจนแหลกเป็นน้ำ แล้วกลืนเอาแต่น้ำเข้าไปก็มีสรรพคุณทำให้อาเจียน ส่วนหัวพลับพลึงแดงก็ทำให้คลื่นเหียน อาเจียน ได้เช่นเดียวกัน (หัว, ใบ, ราก)
ใช้เป็นยาระบาย (หัว, เมล็ด)
หัวใช้เป็นยารักษาโรคที่เกี่ยวกับปัสสาวะ (หัว)
ช่วยขับปัสสาวะ (เมล็ด)
ช่วยขับเลือดประจำเดือนของสตรี (เมล็ด)
หัวใช้เป็นยารักษาโรคที่เกี่ยวกับน้ำดี (หัว)
ใบสดนำมาลนไฟเพื่อให้อ่อนตัวลง ใช้ประคบหรือพันรักษาแก้อาการเคล็ดขัดยอก แพลง อาการบวม ฟกช้ำบวม จะช่วยในการถอนพิษได้ดี (ใบ)
รากใช้ตำพอกแผล (ราก)
รากใช้เป็นยารักษาพิษยางน่อง (ราก)
ใช้อยู่ไฟหลังคลอดสำหรับสตรี (ใบ)
สารสกัดจากใบมีฤทธิ์ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย (ใบ)
ใบและหัวของพลับพลึง มีสารในกลุ่มอัลคาลอยด์ที่มีชื่อว่า "Lycorine" ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ช่วยต้านไวรัสที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคโปลิโอและโรคหัด แต่สารชนิดนี้จะมีความเป็นพิษสูง และยังต้องมีการทดลองกันต่อไป (ใบ, หัว)
อ้างอิงแหล่งข้อมูล medthai (1)และ medthai(2)
ประคบแก้อาการอักเสบ เคล็ดขัดยอก ฟกช้ำ ปวดบวม ด้วยใบพลับพลึง
Reviewed by Dusita Srikhamwong
on
กันยายน 30, 2562
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: