วิธีทำลอดช่องน้ำกระทิ สุดยอ ดขน มหวาน ทำทา นเองได้ไม่ย าก




วิธีทำลอดช่องน้ำกระทิ สุดยอ ดขน มหวาน ทำทา นเองได้ไม่ย าก

ถ้าพูดถึง ลอดช่อง จะมีคนไทยคนไหนไม่เคยกินบ้าง ก็เพราะเมืองไทยร้อนขนาดนี้ ก็เลยไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมเราถึงเห็นขน มลอดช่องวางขายอยู่มากมาย และหาซื้ อมากินได้ตลอดทั้งปี

ร้อนๆแบบนี้ได้ของหวานใส่น้ำแข็งสักถ้วยก็คงดีใช่ไหม วันนี้เรามาทำของหวานที่อร่อยไม่แพ้ขน มหวานชนิดอื่นๆเลยและถ้าใส่น้ำแข็งเข้าไปด้วยสดชื่นอย่าบอ กใครเลย วิ ธีการทำลอดช่อง สุดยอดขน มหวาน ทำทานกินเอง แบบไม่ง้อร้าน

สิ่ งที่ต้อ งเตรี ยม

แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม

แป้งเท้าย ายม่อม 30 กรัม

แป้งซ่าหริ่ม 20 กรัม

น้ำปูนใส 450 กรัม

น้ำใบเตย 250 กรัม

น้ำแข็ง

น้ำกะทิ 250 กรัม

น้ำต าลปึก 150 กรัม

เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

เทียนอบ

วิ ธีการทำ

เริ่มจากการทำตัวลอดช่องโดยการนำแป้งข้าวเจ้า, แป้งเท้าย ายม่อม, แป้งซ่าหริ่ม มาผสมเข้าด้วยกัน

หลังจากนั้นค่อยๆใส่น้ำปูนใสทีละน้อย ขณะเดียวกันก็น ว ดแป้งให้เข้ากันจนเนียนและเหนียว และค่อยๆใส่น้ำปูนใสจนหมด

จากนั้นจึงใส่น้ำ ใบเตย แล้วนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง

กวนจนแป้งเหนียวและข้นจึงลดไฟลง

จากนั้นกวนต่อจนแป้งสุก (แป้งจะมี ลักษณะข้นเหนียว)จึงปิดไฟ

จัดเตรียมน้ำเย็นโดยนำน้ำแข็งไปละลายในน้ำจนน้ำเย็นจัด

จากนั้นนำส่วนผสมแป้งที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่หนึ่งไปใส่ลงในพิมพ์ลอดช่อง

ค่อ ยๆก ดให้เป็นเส้นหย่อนลงไปในน้ำเย็นที่เตรียมไว้

จากนั้นเริ่มทำน้ำกะทิโดยการนำเอาน้ำต าลปึกผสมกับน้ำกะทิและเกลือป่น

จากนั้นนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ ค่อยๆ คนจนน้ำต าลละลายดี จึงปิดไฟ

จากนั้นนำไปอบควันเทียนให้หอม

ทำการตักเส้นลอดช่องใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำกะทิ และน้ำแข็งทุบ สามารถใส่เครื่องเพิ่มเติมได้ต ามต้องการ เช่นเผือ กนึ่ง, ข้าวเหนียวดำ, อื่น พร้อมเสริฟได้ทันที

ไปหาซื้ อของมาทำทานกันเถอะทุกคน หวานๆมันๆอร่อนชื่นใจ ถ้าได้ขนุนหรือแตงไทยใส่เพิ่มละก็คงอร่ อ ยฟินน่าดูเลย หลังจากที่ได้อ่า นกันแล้ว คงไม่มีใครอดใจไหวกับขน มหวานอย่างลอดช่อง ยิ่งช่วงนี้เป็นหน้าร้อนคนยิ่งต้องการรับประทานขน มหวาน แล้วจะรออะไรอยู่จัดเตรียมวัต ถุดิ บและทำต ามวิ ธีการด้านบนกันได้เลย


ที่มา...https://www.deelight888.com/2035
วิธีทำลอดช่องน้ำกระทิ สุดยอ ดขน มหวาน ทำทา นเองได้ไม่ย าก วิธีทำลอดช่องน้ำกระทิ สุดยอ ดขน มหวาน ทำทา นเองได้ไม่ย าก Reviewed by Dusita Srikhamwong on กุมภาพันธ์ 07, 2563 Rating: 5


ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.