ผลก ร ร มที่เงินข า ดมือ ชักหน้าไม่ถึงหลัง เงินไม่พอใช้




ผลก ร ร มที่เงินข า ดมือ ชักหน้าไม่ถึงหลัง เงินไม่พอใช้

เชื่อว่าหล า ยคนกำลังสงสัยกับชีวิตของตัวเองไม่น้อย เกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆ ซึ่งบางทีนั้นเงินนะ หาได้แต่ทำไมถึงไม่พอใช้กลับขัดสนอยู่ตลอ ดเวลา หล า ยคนคิดว่าอาจจะเป็นก ร ร มอะไรหรือเปล่า วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกัน ว่าเป็นก ร ร มจากอะไร ถึงได้เงินข า ดมือไม่พอใช้

การกระทำที่ทำให้เกิดผลก ร ร มนี้ มีอยู่สองเหตุ เหตุจากก ร ร มเก่าที่มองย้อนหลังในอ ดีตชาติ คนที่มีปัญหาเรื่องเงินข า ดมืออยู่บ่อย ๆ มาจากในอ ดีตชาตินั้นทำทาน มาไม่ครบ ซึ่งหมายถึง เวลาในการทำทานนั้นยังมีจิตที่ตกอยู่

ยังคงเสี ยดายทานที่ทำไป อย่ างเช่น ตั้งใจว่าจะทำทานด้วยอาหารคาวหวาน 4 อย่ าง ผลไม้ 5 อย่ าง พอเอาเข้าจริงหรือเวลาลงมือปฏิบัติในทานนั้น กลับรู้สึกเสี ยดายหรือว่าด้วยเหตุอะไรก็ต าม

จึงทำทานนั้นน้อยลงไปจากที่เคยตั้งใจไว้ ไปลดปริมาณของลงเสี ย ให้เหลือเพียงอย่ างหรือสองอย่ าง อีกสาเหตุหนึ่งมาจากการที่วัตถุทานนั้นไม่บริสุทธิ์ มีบาปเจือปน คือทานนั้นอาจจะซื้ อมาด้วยเงินที่ไม่บริสุทธิ์

เป็นเงิน มาจากการเล่นการพนัน เงิน มาจากการเบียดเบียนผู้อื่น หรือมาจากการทำร้ า ย ทำล า ยชีวิตเบียดเบียนผู้อื่น เช่น การไปฆ่ าไก่มาต้มข่าถวายพระ การไปเด็ดดอ กไม้จากสวนเพื่อนบ้าน

โดยไม่ขออนุญาตเอามาถวายพระ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้บุญกุศลที่เคยทำมาจึงมีลักษณะแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ เดี๋ยวมีเงิน พอผ่านไปสักระยะเงินหมด ข า ดมือหมุนไม่ทัน จะไปหยิบยืมใครเขาก็ย าก

หรือเกิดความย ากลำบากที่เขาจะช่วยเหลือ บางครั้งต้องโดนเขาต่อว่าต่อขานหรือ ดูถูกเอาด้วยซ้ำ คนที่เขาต่อว่าดูถูกเหล่านี้

เขาเป็นเจ้าก ร ร มนายเวร คือเคยเป็นเจ้าของวัตถุทานที่เราเคยไปขโมยเขามานั่นเอง
ส่วนเหตุจากก ร ร มใหม่ ในภพชาติปัจจุบัน

การที่เราหาเงินได้แบบชักหน้าไม่ถึงหลังนั้น ไม่ใช่ว่าเกิดจากก ร ร มเก่าเพียงอย่ างเดียว เราต้องมาพิจารณาว่า เราทำเหตุให้ตรงกับผลหรือไม่ สิ่งที่เราทำนั้นสมบูรณ์เพียงพอ

ที่จะทำให้มีเงินทองใช้อย่ างไม่ข า ดมือหรือไม่ ถ้าดูแล้วว่ายังไม่พอยังไม่ถึงเหตุ ต้องเปลี่ยนก ร ร มของตนเสี ย ทำให้สมบูรณ์พร้อมยิ่งขึ้น ถ้าเรายังเป็นคนใจเร็ว ตัดสินในเร็วบางครั้ง

ทำให้ชวดโอกาสสำคัญ ก็ให้ใช้ปัญญาตรึกตรองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ หากบอ กว่าไม่มีความรู้ความสามารถ ก็ต้องพย าย ามขวนขวายเรียนรู้ เพื่อเอาความรู้นั้น มาเปลี่ยนเปลี่ยนเป็นเงิน

เราอาจยังเป็นคนที่ใช้เงินด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล ก็หันกลับด้านความคิดเสี ย ให้ดูว่าของที่เราจะซื้ อนั้นสมควรหรือไม่ที่จะซื้ อ เมื่อซื้ อแล้วทำให้เราต้องเงินข า ดมือหรือไม่

ของที่จะซื้ อรอได้อีกหรือไม่ พิจารณาให้ดี ๆ ส่วนหนึ่งที่เงินข า ดมือ มาจากการซื้ อของโดยไม่คิด เน้นซื้ อของโดยมุ่งประโยชน์เทียม มากกว่าประโยชน์แท้ เช่น เงินเดือนน้อยอยู่แล้ว

แต่ชอบซื้ อโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ๆ เป็นประจำ เปลี่ยน มือถือทุก 3 เดือนโดยเน้นเรื่องฟังก์ชั่นใช้งาน ให้หลากหล า ยอยู่ตลอ ดเวลา ทั้งที่จริงแล้วโทรศัพท์ก็เป็นเพียงอุปกรณ์

เอาไว้ติดต่อสื่อสาร รับส่งข้อมูลเท่านั้น คือต้องเปลี่ยนพฤติก ร ร ม โดยหัน มาประหยัด เน้นประโยชน์แท้ มากกว่าประโยชน์เทียม การแก้ไขควรเป็นไปทั้งสองทาง ทั้งทางโลกและทางธรรม

เพื่อให้เกิดการเสริมแรงบุญซึ่งกันและกัน ควรให้หมั่นทำทานเสี ยใหม่ ประกอบไปด้วยทาน 3 อย่ างที่เกิดบุญมาก อย่ างสม่ำเสมอ คือ วัตถุทาน ธรรมทาน และอภั ยทาน

วัตถุทาน

ตั้งใจทำแบบไหน แค่ไหน ให้ทำแบบนั้น อย ากทำ 1บาท ก็ 1 บาท อย ากทำ 100 บาท ก็ 100 บาท อย ากถวายข้าวเปล่าก็ข้าวเปล่า ไม่ต้องเสี ยดาย

อย่ าให้จิตตกไปพะวง ว่าคนที่รับทานนั้นเขาจะเอาไปทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสงฆ์ คนทั่วไป แม้แต่ขอทานก็อย่ าไปคิด เอาแบบให้แล้วให้เลยข า ดกัน เป็นการทำด้านวัตถุทาน

ธรรมทาน

คือ การเอาความรู้ไปช่วยให้เขาพ้นทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นทางโลกและทางธรรม เช่น ไปสอนเขาปลูกผักให้ถูกต้อง ไปสอนเขาทำอาหารให้ดีให้เก่ง

ไปทำเป็นอาชีพได้ บอ กทางให้เขาได้เดินชีวิตถูกต้อง

การให้กำลังใจเขาให้สู้ชีวิต การร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะ หนังสือสวดมนต์ หรือแม้แต่เราไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว

ก็เป็นผู้นำบุญไปบอ กไปเชิญชวน ให้คน มาร่วมพิมพ์หนังสือหรือชวนคนทำบุญ ถือว่าเป็นธรรมทานทั้งสิ้น

อภั ยทาน

เรื่องนี้เป็นบุญใหญ่ ไม่ต้องเสี ยเงินทอง แต่อภั ยทานแม้รูปแบบจะทำได้ง่าย แต่ทว่ากลับทำได้ย ากที่สุดในทานทั้งหมด เพราะว่าวิสัยของปุถุชนย่อมมีความโ ก ร ธเคือง อาฆาตพย าบาท

อยู่ในกมลสันดานอยู่แล้ว ซึ่งต้องหมั่นฝึกฝนทำให้เป็นประจำ การให้อภั ยนั้น ควรเริ่มจากการตั้งจิตให้สงบเสี ยก่อน คือให้ละจากอารมณ์โ ก ร ธเคียดแค้นใด ๆ ให้ได้ก่อน แม้ความขัดเคืองในใจยังมีอยู่

แต่อย่ างไรก็ต ามต้องทำให้จิตสงบนิ่งให้ได้ จากนั้น ให้อโหสิก ร ร มต่อเจ้าก ร ร มนายเวรเขาเสี ย ไม่ให้มีเวรก ร ร มติดค้างกันอีก ต้องให้อภั ยต่อคนรอบข้างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นใคร

เป็นพ่อแม่ พี่น้อง ลูก ญาติมิตร คนร่วมงานกัน คู่ค้า ลูกค้า สั ต ว์เลี้ยง สรรพสั ต ว์ต่าง ๆ หมั่นให้อภั ยทานบ่อย ๆ จิตเราจะมีกำลังมาก ทำอะไรก็สำเร็จ ไม่มีก ร ร มมาเหนี่ยวมาขวางเอาไว้

แต่ต้องให้อภั ยทั้งหมดทั้งกาย วาจา และใจ และที่สำคัญพย าย ามให้คนรอบข้างที่มีส่วนในชีวิตของเรา ให้อโหสิก ร ร มต่อ กันและกัน เคล็ดลับสำคัญ คือ เมื่อทำทานครั้งใดเสร็จสิ้น

ให้อุทิศบุญไปให้เจ้าก ร ร มนายเวรเขาทันที พูดด้วยภาษาง่าย ๆ ก็ได้ ให้เขามารับบุญกุศลนี้ ถ้าเขาพอใจแล้ว ยินดีในบุญแล้วขอให้เขาอโหสิก ร ร มให้ ถอนตัวไปจากการขัดขวางในเรื่องเงินนี้ ระบุไปอย่ างเจาะจงเลย

และต้องอุทิศบุญให้กับเทวดาประจำตัว ดวงวิญญาณที่ดูแลคุ้มครองเราอยู่ ซึ่งจะบอ กให้ทราบว่า ทุกคน มีเทวดาประจำตัวแน่นอน อย่ างน้อย 2 องค์ขึ้นไป และดวงวิญญาณที่คุ้มครองด้วยท่านเหล่านี้

มาจากคนที่รักเรา เมตต าเราอย่ างจริงใจ และมีก ร ร มดีผูกพันกัน มา อาจจะเป็นบรรพบุรุษในอ ดีตชาติ พ่อแม่ ปู่ ย่า ต า ย าย พี่น้อง ลูก ญาติหรือเพื่อนสนิท ครูบาอาจารย์ที่ต ายไปแล้ว และอยู่ในภพภูมิอื่น

หมั่นอุทิศบุญส่งไปให้ท่าน เพื่อให้ท่าน มีบุญเพิ่มขึ้น และสายใยแห่งบุญที่เหนียวแน่น มั่นคง ท่านจะรักและเมตต าเรามากขึ้นไปอีก
ท่านเหล่านี้มีอำนาจในระดับหนึ่งที่จะช่วยดลใจให้เราพบช่องทางการหาเงินที่ถูกต้องถูกธรรม

ไม่มีก ร ร มชั่ วติดมาด้วย ช่วยดลใจให้เราพบคนดีที่จะช่วยเหลือ ดลใจให้เราพบโชคลาภที่ถึงเวลาจะได้ จากที่เคยช้าก็จะเร็วขึ้น ส่งผลให้มีเงินทองไม่ข า ดมือแน่นอน การสร้างทานใหญ่

ด้วยวัตถุทาน ธรรมทาน อภั ยทานแล้วอุทิศบุญไปต ามที่บอ กไว้ ควรทำในทุก ๆ วันอย่ างสม่ำเสมอ ทุกท่านจะเห็นผลแบบอัศจรรย์ พร้อมกับเปลี่ยนก ร ร มใหม่ให้ตรงกับผลที่อย ากได้ คือ อย ากมีเงินทองใช้จ่ายไม่ข า ดมือ

ที่มา  dhammasawatdee
ผลก ร ร มที่เงินข า ดมือ ชักหน้าไม่ถึงหลัง เงินไม่พอใช้ ผลก ร ร มที่เงินข า ดมือ ชักหน้าไม่ถึงหลัง เงินไม่พอใช้ Reviewed by Dusita Srikhamwong on กรกฎาคม 31, 2563 Rating: 5


ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.