12 อานิสงส์นี้จะเกิดขึ้นกับคุณทันที เมื่อดูแลพ่อแม่หรือบุพการี




12 อานิสงส์นี้จะเกิดขึ้นกับคุณทันที เมื่อดูแลพ่อแม่หรือบุพการี 

ในทางพระพุทธศาสนาได้กล่าวไว้ว่า อานิสงส์ของการดูแลพ่อแม่ หรือผู้มีพระคุณที่เลี้ยงดูเรานั้นมีถึง 12 ประการด้วยกัน

ผมว่าทั้ง 12 ประการนี้ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตทั้งนั้นเลย แต่ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องที่มีสาระ

แต่เชื่อว่าวัยรุ่นหลายคนอาจมองข้ามหรือบางคนอาจลืมตระหนักถึงมันไปเสียแล้ว

ความจริงแล้วหากคุณเองเห็นคนหนึ่งที่คิดอย่ างนั้นก็ไม่ผิดหรอกครับ เพราะต้องยอมรับว่าชีวิตของคนสมัยนี้มีหลายเรื่องสำคัญให้

ต้องโฟกัส อีกทั้งสังคมก็เต็มไปด้วยกิเลสมากมายที่คอยดึงให้คุณห่างไกลจากเรื่องราวดี ๆ

ที่จะเป็นแก่นนำทางให้คุณดำเนินชีวิตไปสู่จุดมุ่งหายที่ดีได้

จิตของพ่อกับแม่ที่มีต่อลูกนั้นเหมือนจิตพระอรหันต์ เป็นจิตที่มากกว่าความรักความห่วงใย เป็นจิตใจอันบริสุทธิ์

เต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดี หวังให้ลูกเจริญได้ด้วยความดีทั้งปวง การที่เราทำดีกับพ่อแม่จึงเหมือนการทำบุญกับพระอรหันต์

เพราะเรากำลังตอบแทนความดีกับผู้ที่มีคุณสูงสุดในชีวิต แล้วอย่ างนี้คนที่กตัญญูรู้คุณพ่อแม่จะไม่เจริญได้อย่ างไร

ผมอย ากขอนำเรื่องอานิสงส์ 12 ประการของการดูแลพ่อแม่มาเล่าสู่ฟัง

1. ทำให้มีความอดทน ความอดทน มาจากคำว่า ขันติ หมายถึงการรักษาปกติภาวะของตนไว้ได้

ไม่ว่าจะถูกกระทบกระทั่งด้วยสิ่งอันไม่พึงปรารถนาก็ตามถ้าหากถามว่าทำไมการดูแลพ่อแม่ถึงได้อานิสงส์ของความอดทน

ก็อาจเป็นเพราะเด็กดีจะมีความอดทนในการหักห้ามใจไม่ให้โกรธไม่ให้เถียงเวลาที่แม่บ่นละมั้งครับ ผมล้อเล่นนะ

ตลอดชีวิตคนเราต่างก็มีเรื่องราวให้ต้องพบเจอมากมาย ไม่ว่าจะเรื่องดีที่เราพึงพอใจ หรือเรื่องร้ ายที่เราไม่พึงปรารถนา แต่ทว่าชีวิต

ของคนเราเลือกไม่ได้นี่ครับ เวลาที่เรามีความสุขเราก็ดีใจ แต่ถ้าช่วงหนึ่งของชีวิตต้องเราเจอเรื่องทุกข์ใจแค่ไหน สิ่งเดียวที่ทำได้ก็

คือ อดทน มุ่งมั่นเพื่อให้ฟันฝ่ามันไปให้ได้เท่านั้นเอง ตามหลักพระพุทธศาสนาบอกว่า อานิสงส์การมีความอดทนนั้นจะทำให้เรา

อยู่เย็นเป็นสุขได้ทุกอิริย าบถ คนที่มีความอดทนเป็นที่ตั้งจะไม่ทุกข์ร้อนใจจนตกต่ำ

เพราะเค้ามีความอดทนจะช่วยประคับประคองชีวิตให้ผ่านไปได้ด้วยดีเสมอ

ความอดทนของคนเรามีหลายรูปแบบ อย่ างเช่นอดทนในการทำความดีถึงแม้มันจะไม่เห็นผลในทันทีก็ตาม อดทนต่อการถูกดูหมิ่น

ดูแคลน อดทนต่อความลำบากตรากตรำ การอดทนต่ออำนาจกิเลสก็ถือว่าเป็นการฝึกความอดทนอย่ างหนึ่ง เช่น

อดทนไม่เที่ยวเตร่ ไม่เล่นการพนัน ไม่เสพสิ่งเสพติด ไม่รับสินบน ไม่คอร์รัปชั่น ไม่ผิดลูกเมียเขา

ไม่คดโกง ไม่เห่อยศ ไม่บ้าอำนาจ ไม่ขี้โอ่ ซึ่งถ้าลองคิดทบทวนดี ๆ แล้ว

ผู้ที่คอยสอนให้คุณอดทนต่อสิ่งเร้าเหล่านี้ไม่ใช่ใครเลย คนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังนั้นก็คือพ่อแม่ของเรานั่นเอง

2. ทำให้เป็นคนมีสติรอบคอบ สติสัมปชัญญะ คือความรู้ตัว ความระลึกได้ คุณอาจจำกำลังบอกผมอยู่ในใจว่าคุณก็มีสติดีไม่ได้บ้าเสีย

หน่อย พูดอีกก็ถูกอีกครับ แต่ผมกำลังหมายถึงคนที่ มีสติรอบคอบ ใช้ชีวิตอยู่ในความไม่ประมาท

และรู้จักผิดชอบชั่วดีทำให้รู้จักยั้งคิดในสิ่งที่กำลังกระทำ เห็นด้วยกับผมไหมครับ

การเป็นคนมีสติสัมปชัญญะสำคัญกว่าการมีสมองอันชาญฉลาดเสียอีก เพราะคนที่หัวดีแต่ไม่มีความรู้ตัว อาจหลงผิดไปตามกระแส

กิเลสได้โดยง่าย บุคคลผู้ขาดสติมักทำผิด พูดผิด คิดผิด และหลงลืมความเป็นเหตุเป็นผล

ซึ่งต้องบอกเลยว่าสังคมเรานั้นเต็มไปด้วยกิเลสยั่วยุอย่ างที่กล่าวมานี้ซะด้วยสิ

ถ้าถามว่าสมัยนี้คนเก่งสำคัญไหม ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสำคัญมาก เพราะสังคมของเราเต็มไปด้วยการแข่งขันตัวเราเองจึงต้องมีความเก่ง

ในระดับหนึ่งเพื่อใช้ทักษะความสามารถในการหาเลี้ยงชีพ แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้นคนที่เก่งแล้วจำเป็นต้องมีสติที่ดีด้วย

เพราะคนที่มีสติรอบคอบจะไม่เพียงลดความผิดในการทำงานลงเท่านั้น แต่เขายัง รู้ตัวว่าสิ่งนั้นที่ตนกำลังทำอยู่จะเป็นประโยชน์หรือ

ไม่ มันถูกครรลองคลองธรรมหรือไม่ มันส่งผลดีหรือผลเสียทั้งต่อตนเองและส่วนรวมอย่ างไร แล้วมันจะเสี่ยงต่อไปในอนาคตหรือ

เปล่า สิ่งนั้นที่ตนกำลังทำอยู่จะเป็นความทุกข์หรือสุขต่อตนและผู้อื่นอย่ างไร

คนที่ทั้งเก่งและดีมีสติสัมปชัญญะจึงเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่สังคมต้องการมากเลยทีเดียว ลองคิดดูดี ๆ นะครับว่าถ้าหากองค์กรใด

มีทั้งคนเก่งและคนดีจำนวนมาก มันย่อมส่งผลให้องค์กรเจริญจริงไหม ในเมื่ออคุณสมบัตินี้เป็นสิ่งที่ทุกองค์การ แล้วทำไมคุณไม่วาง

ตนให้เป็นเช่นนั้นล่ะ เพราะมันย่อมแปลว่า คุณจะไปอยู่ที่ไหนก็ได้เพราะใคร ๆ ต่างก็ต้องการคุณ

3. ทำให้เป็นคนมีเหตุผล ตามหลักของการทำการตลาด มักจะทำให้คนเราเกิดความอย ากได้และตัดสินใจซื้อสินค้าด้วยอารมณ์ เมื่อ

เกิดความอย ากได้แล้วจากนั้นคนเราจึงจะหาเหตุผลดี ๆ มาสนับสนุนทีหลัง ถึงแม้บางครั้งสิ่งที่เรากำลังสนใจจะเป็นสิ่งของฟุ่มเฟือย

หรือราคาแพงหูฉีก แต่ถ้าหากทำการตลาดให้น่าสนใจย่อมดึงความอย ากของผู้คนได้เสมอ

เราอาจจะเคยเห็นกันอยู่ตามข่าวบ่อย ๆ อย่ างคนที่ทำร้ ายผู้อื่นแล้วสุดท้าย

ให้เหตุผลเพียงว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือทำไปเพราะขาดสติ ฟังดูเป็นเหตุผลที่ไม่เข้าท่าเสียเลยว่าไหมครับ

หากเปรียบเทียบการตลาดกับศาสนา คำโฆษณาชวนเชื่อล้วนเปรียบเสมือนกิเลสยั่วยุผู้คนให้หลงใหล จนต้องหาเหตุผลมาสนับ

สนุนความคิดของตัวเองทีหลัง แต่ที่น่าอันตร ายคือ สิ่งที่ยั่วยุล่อตาล่อใจผู้คนไม่ใช่เพียงกิจกรร มทางการตลาดเท่านั้น แต่ยังมี

อบายมุข มีตัณหา มีความรัก โลภ โกรธ หลง การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น และสารพัดสิ่งต่าง ๆ มากมาย ซึ่งมีทั้งดีและร้ ายปะปนกัน

ผมว่าการที่คนเรากตัญญูต่อพ่อแม่แล้วได้อานิสงส์ของความเป็นคนมีเหตุมีผลนั่นอาจเป็นเพราะ พ่อแม่คอยสอนให้ลูกไม่ให้เชื่อ

อะไรง่ายๆ ไม่ให้เชื่ออย่ างงมงาย สั่งสอนให้ลูกรู้จักแยกแยะดีชั่ว และให้รู้เท่าทันทั้งคนและทั้งกลอุบายในสังคม ด้วยเหตุนี้คนที่เชื่อ

ฟังพ่อแม่จึงเกิดกรร มดี คือได้อานิสงส์ของความมีสติไตร่ตรอง มีแนวทางในการคิดวิเคราะห์

เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ และเชื่ออย่ างมีเหตุผล จึงสามารถประคับประคองชีวิตไปสู่ความสำเร็จได้ในทุก ๆ เรื่อง

4. ทำให้พ้นทุกข์พ้นภัย หลายคนเวลาที่มีปัญหาในชีวิตมักจะโทษเ วรกรร ม โทษโชคชะตาฟ้าดิน โทษผลของการกระทำในอดีต

ชาติว่าเราอาจทำไม่ดีต่อผู้อื่นมาก่อนจึงต้องลำบากในชาตินี้ แต่ในขณะเดียวกันกลับลืมสนใจในชาติปัจจุบัน

ว่าคุณอาจไปเบียดเบียนคนอื่น หรือแม้แต่ประพฤติไม่ดีต่อพ่อแม่ซึ่งเป็นคนในบ้านก็เป็นได้

เรื่องราวเหล่านี้มีคำสอนมากมายที่สอดแทรกอยู่ในทุกสังคม คุณคงเคยได้ยินเหตุการณ์ของคนใกล้ตัวมาบ้าง ว่าคนที่ทำดีต่อพ่อแม่

ย่อมได้ดิบได้ดี แต่บางคนที่ดุด่าว่าร้ ายหรือถึงขั้นทุบตีพ่อแม่ย่อมหาความเจริญไม่ได้ อย่ าว่าแต่การปฏิบัติต่อพ่อแม่เลย ไม่ว่าจะ

เป็นการปฏิบัติติต่อผู้อื่นอย่ างไรเราย่อมได้รับผลเช่นนั้น เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นผลของการกระทำ แต่ยิ่งเป็นพ่อแม่ด้วยแล้ว ผลของ

การกระทำนั้นย่อมส่งผลแรงมากกว่า 2 เท่า ใครทำร้ ายพ่อแม่ก็จะทุกข์

หนักกว่า 2 เท่า แต่ถ้าใครทำดีต่อพ่อแม่ก็ย่อมเจริญขึ้น 2 เท่าเช่นเดียวกัน

สำหรับใครที่อย ากอยู่ดีมีสุข อยู่ไหนก็พ้นทุกข์พ้นภัย คุณไม่จำเป็นต้องดั้งด้นไปหาวิชาอาคมหรือของปลุกเสกที่ไหนเลยครับ

เคล็ดลับง่าย ๆ เพียงหมั่นดูแลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านให้อยู่ดีมีสุข

ก็เป็นการปลุกเสกความดีให้กับตัวเอง ทำให้คุณพ้นทุกข์พ้นภัยจากสิ่งอันตร ายทั้งปวงแล้วล่ะ

5. ทำให้ได้ลาภโดยง่าย ผมมีเพื่อนหญิงคนหนึ่ง บ้านเธอเป็นคนย ากจนพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เด็ก ว่ากันตามเนื้อผ้าแม่เธอไม่ใช่

แม่ดีเด่นอะไรเลยครับ เลี้ยงดูลูกตามอัตภาพทำให้เพื่อนของผมคนนี้ต้องดิ้นรนสู้ชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก ถ้าหากอย ากเรียนเธอต้องหาเงิน

ส่งตัวเองเพราะแม่ไม่มีเงินให้ ความที่ต้องดิ้นรนทำให้เธอเป็นคนเก่งและสามารถหาเงินเลี้ยงดูตัวเองได้ตั้งแต่อายุ 15 ปี

แต่เธอไม่ใช่แค่หาเงินส่งตัวเองเรียนเท่านั้นนะ เธอยังหาเงินส่งกลับบ้านให้แม่และน้องอีกด้วย เมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกันหรือ

แม้แต่เด็กในสมัยนี้ก็ตาม วัย 15 ปีเป็นวัยที่กำลังใช้เงินเลยนะครับ

ซึ่งแน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ยังต้องอาศัยพ่อแม่เป็นธนาคารหลักในการเบิกทุกค่าใช้จ่ายของชีวิตอยู่เลย

เราห่างกันไปสักพักหนึ่งและกลับมาเจอกันตอนโต พร้อมกับการอัพเดทข่าวคราวที่ว่าเธอนั้นมีเป็นสามีชาวต่างชาติที่แสนดีซึ่งดีจริง ๆ ดูแลเธอดีมาก เธอมีบ้าน มีรถ และมีครอบครัวที่อบอุ่น จากเด็กที่กตัญญูรู้คุณในวันนั้น กลายมาเป็นผู้หญิงที่สามารถตั้งตัวได้เร็วกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันหลายคนเลยทีเดียว

พอมองย้อนกลับไปถึงเหตุที่เธอทำ ไม่สงสัยเลยครับว่าทำไมเธอถึงได้มีชีวิตที่สวยงามอย่ างนี้ เพราะความกตัญญูที่เธอมีต่อแม่และ

ครอบครัว ทำให้เธอได้ลาภก้อนโตกว่าใคร ถึงแม้เธอจะลำบากในวัยเด็กไปบ้าง

แต่การมีสามีที่ดีทั้งกาย ใจ และสินทรัพย์ มันโชคดียิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่ 1 เสียอีกว่ามั๊ยล่ะ

6. ทำให้แคล้วคลาดภัยในย ามคับขัน ใครบอกว่าพ่อแม่ปกปักรักษาลูกแค่เพียงกาย แต่สำหรับผู้ให้ชีวิตนี้ยังติดตามปกปักรักษาลูก

หลานทุกขณะจิต ไม่ใช่เมื่อพ่อแม่สิ้นลมนะ แต่ดวงจิตของพ่อแม่สามารถปกป้องคุ้มภัยในย ามที่ยังมีชีวิตนี่แหละ คำอวยพรของพ่อ

แม่นั้นศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าสิ่งใด การที่เราทำดีแล้วพ่อแม่อวยพรจึงช่วยเป็นเกราะคุ้มภัยที่ดีเหนือกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดทั้งปวง

ผมไม่ได้อวยหรือมโนกล่าวนะครับ แม้แต่แม่ชีทศ พรยังเคยดูกรร มของลูกศิษย์ที่มากราบไหว้ และมีหลายกรณีที่ลูกหลานคิดผิดบ้าง

คิดสั้นบ้าน หรือมีเหตุอันตร ายบ้าง แต่ด้วยพ่อแม่ปู่ย่ าทำบุญให้เยอะมากหลายคนจึงรอดพ้นจากอันตร ายทั้งปวงมาได้ สำหรับ

ใครที่ชื่นชอบการเช่าวัตถุมงคล ผมว่าไม่ต้องเดินทางไปไหนไกลเลยครับ

เพียงแค่กราบไหว้บูชาพระในบ้าน เพียงเท่านี้ก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มภัยที่ดีที่สุดแล้วล่ะ

7. ทำให้เทวดาลงมาพิทักษ์รักษาผู้ที่ทำ ถ้าหากคุณเป็นลูกเพียงคนเดียวในบรรดาพี่น้องที่ต้องดูแลพ่อแม่ อย่ าได้มัวแต่กล่าวโทษ

ตัวเองว่าต้องเสียสละหรือเหนื่อยกว่าใคร แต่จงขอบคุณสถานการณ์เหล่านั้นที่ทำให้คุณได้ตอบแทนคุณพ่อแม่อย่ างดีที่สุดในชาตินี้

เพราะการดูแลพ่อแม่หากใช่หน้าที่ แต่มันคือการตอบแทนคุณ และที่สำคัญใครทำคนนั้นก็ย่อมได้รับผลดี

คนดีผีคุ้ม ผมก็ไม่รู้ส่าผีมีจริงไหมแต่เค้าว่ากันไว้อย่ างนั้นนะ แต่การเป็นคนดีของพ่อแม่นอกจากจะมีผีคุ้มแล้วอาจมีเหล่าเทวดา

อารักษ์ด้วย สำหรับอานิสงส์นี้อาจไม่ได้หมายถึงความปลอดภัยจากภยันตรายเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงอานิสงส์ของการเป็นที่รัก

ต่อผู้อื่น มีคนคอยอุปถัมภ์ค้ำชู มีคนคอยช่วยเหลือทั้งย ามลำบากและย ามที่ต้องการความก้าวหน้าในชีวิตด้วยก็เป็นได้นะครับ

8. ทำให้ได้รับการยกย่องสรรเสริญ หากว่ากันง่าย ๆ โดยไม่อิงหลักกฎแห่งกรร มหรือหลักการอะไรก็ตาม คนไทยชอบคนที่มีความ

กตัญญูครับ คนที่กตัญญูดูแลพ่อแม่ย่อมมีแต่คนสรรเสริญ ถ้าหากวันนี้คุณรวยอาจมีบางคนที่ชอบหรือเกลียดคุณอยู่ก็ได้ แต่ถ้าหาก

คุณทำดีต่อพ่อแม่ให้เห็นเป็นประจักษ์ มีแต่คนที่พร้อมจะชื่นชมยกย่องสรรเสริญ
ไม่แบ่งแยกว่าจะเป็นมหาเศรษฐี คนธรรมดา พระ หรือย าจก ผู้คนต่างก็พร้อมที่จะชื่นชมคุณ

9. ทำให้มีความเจริญก้าวหน้า ครั้งหนึ่งผมมีโอกาสได้ฟังเรื่องเล่าของท่าน ว.วชิรเมธี ท่านเคยเล่าถึงเพื่อนในวัยเด็กสมัยเป็น

สามเณรให้ฟังว่า มีเพื่อนคนหนึ่งพ่อเป็นคนจนขับรถสามล้อ เพื่อนคนนั้นอายมากที่พ่อเป็นเพียงคนจนต้อยต่ำ เวลาพ่อไปเยี่ยมที่วัดก็

จะไม่ออกมาพบ หนำซ้ำกลับด่าทอและสั่งห้ามไม่ให้พ่อมาหาตนอีก

รวมทั้งเพื่อนสามเณรที่พาพ่อไปพบตนในที่พักก็พาลถูกด่าไปด้วย

เมื่อโตขึ้นเพื่อนพระคนอื่นต่างทยอยสอบผ่านเปรียญธรรมและเลื่อนขั้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามวันเวลา แต่พระท่านนั้นกลับไม่เคยผ่าน

เปรียญธรรมขั้นที่ 3 ได้เลย สุดท้ายลาสิกขาไปทำงานเป็น รปภ. ที่บริษัทแห่งหนึ่ง

วันดีคืนดีถูกทำร้ ายจนต ายและที่น่าเศร้าคือคนที่ไปรับศ พก็คือพ่อของตนเอง

เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ฟังแล้วหดหู่ใจน่าดู เป็นตัวอย่ างของคนที่ตกต่ำจากการปฏิเสธพ่อแม่ของตนเพียงเพราะต่ำต้อยจึงทำให้ไม่เจริญ

ก้าวหน้าไม่ว่าจะทางโลกหรือทางธรรม ในทางกลับกันหากคนเรายกย่องสรรเสริญพ่อแม่

ปรนนิบัติดูแลไม่ว่าจะแก่ชราหรือย ากจน คนผู้นั้นย่อมไม่มีทางตกต่ำ มีแต่เจริญงอกงามรุ่งเรืองขึ้นไป

10. ถ้ามีลูกก็จะได้ลูกที่ดี กงเกวียนกําเกวียน คุณเคยได้ยินคำนี้ไหมครับ การทำกับคนอื่นอย่ างไรสักวันหนึ่งตัวเองหรือลูกหลานก็จะ

ได้รับผลกรร มนั้นตอบแทน ลองสังเกตดูสิว่าบ้านไหนที่ลูกปฏิบัติดีพูดดีต่อพ่อแม่เมื่อมีหลาน

เหลน โหลนย่อมปฏิบัติดีต่อบุพการีเช่นกัน จริงอยู่ว่าส่วนหนึ่งมาจากการอบรมสั่งสอนที่สืบทอดต่อ ๆ

กันมาในตระกูล แต่อีกส่วนหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ในระบบของผลกรร มล้วน ๆ บางทีผมก็ทึ่งในระบบของธรรมชาติที่สร้างเอาไว้นะว่า

ไหมครับ ฉะนั้นถ้าหากใครที่อย ากมีลูกดี ก็หมั่นปฏิบัติดีต่อพ่อแม่ของตนนะครับ ผลของกรร มจะได้ส่งผลที่ดีมาต่อตัวเราเอง

11. ทำให้มีความสุข เป็นหลักการง่าย ๆ ของการใช้ชีวิตเลยครับ คนเราเมื่อทำดีต่อพ่อแม่ย่อมมีความสุขทางใจ เป็นความสุขที่ไม่

ต้องปรุงแต่ง และในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องรู้สึกเสียดายทีหลัง คำเตือนที่บอกเอาไว้ว่าให้ทำดีต่อพ่อแม่ในวันที่ท่านยังอยู่ ดีกว่ามา

ทำบุญหาในวันที่ท่านจากไป มันเป็นความจริงนะครับ คนเราอาจพลาดงานที่เงินเดือนสูง ๆ ได้ พลาดจากคนรักที่ปรารถนาได้

แต่สิ่งเหล่านี้ยังมีโอกาสใหม่ให้เราไขว่คว้าได้เสมอ มีเพียงอย่ างเดียวที่ ถ้าหากพลาดแล้วจะพลาดเลยตลอดชีวิต นั่นก็คือการทำดี

กับพ่อแม่ในวันที่ยังไม่สาย พ่อเราแม่เราทำดีไว้เถอะ ทำวันนี้มีความสุขทันทีวันนี้

จงอย่ าอายไปเลยครับ แล้วชีวิตคุณจะไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจอีกเลย

12. ทำให้เป็นตัวอย่ างอันดีแก่อนุชนรุ่นหลัง การทำดีกับพ่อแม่สามารถส่งต่อเป็นมรดกตกทอดต่ออนุชนรุ่นหลังได้นะครับ ซึ่งไม่ใช่

แค่ครอบครัวคุณ แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมด้วยนะ หลายคนมองว่าการทำดีเป็นเรื่องน่าอาย มันไม่เท่ ไม่เจ๋งหรือเปล่าก็

ไม่รู้นะ การทำความดีในสังคมยังเป็นเรื่องที่หลายคนลำบากใจ หลายคนอาจจะคิดไม่ออกว่า

ความลำบากใจหน้าตาเป็นอย่ างไรใช่ไหมครับ ถ้าผมยกตัวอย่ างต่อไปนี้ทุกคนต้องพยักหน้าเห็นด้วยแน่ ๆ

ผู้ชายขึ้นรถเมล์เชื่อหรือไม่ครับว่าการลุกให้คนอื่นนั่งเป็นเรื่องที่ลำบากใจของผู้ชายหลายคนบนรถเมล์นะ

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นมารย าทและความคาดหวังของสังคมส่วนรวม แต่บ่อยครั้งมันกลับนำมาสู่ความอึดอัดของใครหลายคน

เช่น หากชายผู้เสียสละคนหนึ่งลูกให้ผู้หญิงนั่ง สายตาผู้ชายคนอื่นจะจับจ้องมาที่เขาทันที

เพราะมันแสดงให้เห็นว่าถ้าเขาเหล่านั้นไม่ลุกตามชายหนุ่มผู้เสียสละ พวกเขาก็จะถูกมองว่าเป็นผู้ร้ ายในขณะที่มีฮีโร่ยืนเด่นสง่าอยู่

คนเดียว นอกจากนี้อาจมีสายตาอีหลายคู่มองว่าคุณเองเป็นพ่อหนุ่มบ้านนอกคอกนา ที่หารู้ไม่เลยว่าหนุ่มคนเมืองเขาไม่ยืนให้ผู้

หญิงกันแล้ว สิทธิ หญิง-ชาย เท่ากันใครชิงที่นั่งได้คนนั้นย่อมเป็นผู้ชนะ

ถ้าเป็นอย่ างนี้แล้วใครจะอย ากถูกมองว่าเป็นหนุ่มหน้ามนคนดีจากต่างจังหวัดละครับ

แต่ในขณะเดียวกันถ้าหากไม่ลุกให้นั่งหรือทำเนียนเป็นหลับ ก็ยังไม่เว้นที่จะถูกด่าด้วยสายตาจากอีกหลายคู่ว่า

เธอนี่ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย และแล้วสุดท้ายความคาด

หวังจากทุกสายตาก็ก่อให้เกิดความสับสนในใจ ว่าท้ายที่สุดแล้วตัวเขาเองควรทำดีหรือไม่กันแน่

สังคมยิ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นเท่าไหร่ ความน่ารักของคนยิ่งลดลงเท่านั้น สถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดเพียงบนรถเมล์เท่านั้น แต่ยังเกิดกับ

การทำดีต่อพ่อแม่ การเป็นคนดีขององค์กรหรือของสังคมด้วย น่าใจหายที่เรื่องดี ๆ

กลับถูกมองว่าเป็นเรื่องน่าอาย แล้วอย่ างนี้อนุชนรุ่นหลังจะเหลือตัวอย่ างอะไรดี ๆ เอาไว้บ้างล่ะเนี่ย


ที่มา : puyiie
12 อานิสงส์นี้จะเกิดขึ้นกับคุณทันที เมื่อดูแลพ่อแม่หรือบุพการี 12 อานิสงส์นี้จะเกิดขึ้นกับคุณทันที เมื่อดูแลพ่อแม่หรือบุพการี Reviewed by Dusita Srikhamwong on พฤศจิกายน 10, 2563 Rating: 5


ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.