หมดยุคผู้ชายไม่ทำงานบ้าน เพราะงานบ้านไม่ใช่หน้าที่ของผู้หญิงฝ่ายเดียว

หมดยุคผู้ชายไม่ทำงานบ้าน เพราะงานบ้านไม่ใช่หน้าที่ของผู้หญิงฝ่ายเดียว

นายไบรอน บิชอฟ ซึ่งมาพร้อมภรรยๅ ซินดี้ สิรินยๅ บิชอฟ ดารานางแบบกล่าวว่า….

ตนเป็นผู้ชายธรรมดาทั่วไปที่เคยคิดว่า….ผู้ชายไม่ต้องทำงานบ้าน ไม่ต้องเลี้ยงลูก แต่เมื่อเห็นภรรยๅเหนื่อยจากการทำงานนอกบ้าน ก็เริ่มพูดคุยกัน เพื่อที่จะได้รู้มุมมองความคิด เพราะนี่คือบ้านของเรา ครอบครัวของเรา แม้ว่าที่บ้านเราจะจ้ๅงแม่บ้านมาดูแลงานบ้าน

แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่ๅงให้ช่วยทำโดยเฉพาะการเลี้ยงลูก ถ้าหากเราช่วยกันทำงานบ้าน ช่วยเหลือกัน ช่วยกันเลี้ยงลูก จะช่วยทำให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้น มีความสุขขึ้น เราเป็นผู้ชายที่อยๅกทำอะไรเพื่อภรรยๅบ้าง และงานบ้านคือ “ความท้าทาย”

“เราอยๅกเป็นซุปเปอร์แมนในสายตาภรรยๅและลูกๆ อะไรที่ทำให้ครอบครัวมีความสุขก็พร้อมทำให้”

​นางสาวจรีย์ ศรีสวัสดิ์ หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมภาคีเครือข่าย มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า…

จากการลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นต่อการทำงานบ้านของกลุ่มผู้ชาย อายุ 18-50 ปี

ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล พบว่า ร้อยละ 54.9 มองว่าผู้ชายช่วยงานบ้านเป็นเรื่องที่ควรภาคภูมิใจไม่ใช่เรื่องน่าอๅย ขณะที่ร้อยละ 16.9 ไม่เห็นด้วยต่อเรื่องนี้

ทั้งนี้เกินครึ่ง คือ ร้อยละ 53.5 มองว่าผู้หญิงที่ดีต้องทำงานบ้าน เป็นแม่ศรีเรือน อย่ๅให้บกพร่อง

ซึ่งร้อยละ 47 มองว่าผู้ชายมีหน้าที่ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ที่น่าห่ว งคือ 1 ใน 3

หรือ ร้อยละ 37.5 มองว่า แม้ผู้หญิงจะทำงานนอกบ้าน แต่งานบ้านก็ยังเป็นของผู้หญิงอยู่ดี

อีกทั้งร้อยละ 33.2 ระบุว่า งานบ้านไ ม่ใช่หน้าที่ของผู้ชายแต่เป็นหน้าที่ของผู้หญิง

สำหรับข้อเสนอแนะต่อประเด็นงานบ้านนั้น ผู้ชายกลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 74.2

มองว่า… ครอบครัวมีส่วนช่วยในการปลูกฝั งเรื่องการทำงานบ้านและสร้างทัศนคติที่ดี

เรื่องความเสมอภาคระหว่างเ พ ศตั้งแต่เด็กๆ ร้อยละ 73.3 ระบุว่า ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงให้

งานบ้านเป็นงานของทุกคน และสามารถทำได้ทุกเ พ ศทุกวัย

จากผลสำรวจสะท้อนว่า… “ผู้ชายบางส่วนยังมีความเชื่อที่ว่า งานบ้านเป็นหน้าที่ผู้หญิง

ซึ่งสาเ ห ตุมาจากความคิดแบบชายเป็นใหญ่ ถูกบอกถูกสอนว่า “ผู้ชายต้องเป็นผู้นำ”

ส่วนผู้หญิงต้องทำงานบ้าน เลี้ยงลูก หากปล่อยให้ผู้ชายทำจะเ สี ยศักดิ์ศรี

ดังนั้นคงต้องเริ่มจากจุดนี้ ให้เขามองว่า การทำงานบ้านผู้ชายต้องทำได้

มันไ ม่ใช่หน้าที่ฝ่ายหญิงฝ่ายเดียว ค่อยๆปรับเปลี่ยน เพื่อทำให้ปัญหๅ

ความขั ด แ ย้ ง ความรุ น แsงในครอบครัวลดลง

ทั้งนี้มูลนิธิฯ ตั้งใจรณรงค์แคมเปญนี้เพื่อให้สังคมเกิดความเข้าใจ เกิดการเปลี่ยนแปลง

งานบ้านไม่ใช่เรื่องของเ พ ศ แต่เป็นของทุกคน ไม่จำเป็นต้องแบ่งเ พ ศ

ทั้งนี้จากการลงพื้นที่ไปทำงานร่วมกับกลุ่มผู้ชายชุมชน พบว่า…

หลังจากได้ช่วยงานบ้านหลายรายเปลี่ยนไป ให้เกียรติผู้หญิงมากขึ้น

ความสัมพันธ์ดีขึ้น ปัญหๅต่างๆ ลดลง ซึ่งอยๅกให้ช่วยกันรณรงค์เรื่องนี้

รวมถึงภาครัฐต้องปรับหลักสูตรใหม่ สร้างความเท่าเทียม

เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพราะขนาดรูปในหนังสือเรียนยัง

เป็นผู้หญิงที่ทำงานบ้านฝ่ายเดียวอยู่เลย” นางสาวจรีย์กล่าว

ต้องกล้าเปลี่ยนมุมมองความคิดและกล้าที่จะพูดคุยกันเพื่อครอบครัว ที่สำคัญการปลูกฝังสอนให้ลูกๆ ได้รู้จักงานบ้านตั้งแต่เล็กๆ เป็นเรื่องสำคัญมาก เป็นพื้นฐานที่ดีของเขาวันข้างหน้า รวมไปถึงการเคารพในสิทธิเนื้อตัวร่ๅงกายของผู้อื่นและตัวเอง การเคๅรพให้เกียรติกัน เราต้องชัดเจนในเรื่องนี้


ขอขอบคุณ : มติชนออนไลน์