ยิ่งฉันเข้าใจบทความนี้ ฉันก็เริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น




ยิ่งฉันเข้าใจบทความนี้ ฉันก็เริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น

เรื่องเล่ามีอยู่ว่า…ชายคนหนึ่งที่อาศัยบ้านหลังเล็กๆอยู่คนเดียว แล้วตื่นมาตอนเช้า เขาก็จะเดินไปหยิบ ข ย ะ มาถูๆตัว

แทนการใช้ใยบวบขัดตัว จากนั้นเขาก็เดินไปที่ท่อระบายน้ำ เปิดฝาท่อขึ้น แล้วใช้น้ำในชักโครกตักอาบ

แล้วก็ออกไปทำงาน พอเลิกงานกลับบ้านนอน เขาก็หลับไปทั้งอย่ างนั้น โดยที่ไม่อาบน้ำ

แต่ก่อนจะหลับ เขาก็ได้คิดขึ้นมาในหัวว่า “ เมื่อไหร่ตัวฉันจะหอมซะทีนะ…? ”

ในโลกใบนี้คงไม่มีใครใช้ชีวิตแบบนี้หรอก ชายที่เล่าไปก็ไม่ได้มีตัวตนจริงๆ เพียงแต่เรากำลังเล่าให้คุณเห็นภาพ

และต้องการจะสื่อว่า เราทุกคนก็กำลังทำพฤติก ร ร มแบบนี้กันเป็นเรื่องปกติ แบบที่ไม่รู้ตัวกันอยู่…

เราพากันตื่นเช้าขึ้นมา พร้อมกับเช็คข่าวสารในโซเชียล ที่เปิดมาก็มีแต่ ” เ รื่ อ ง ร้ า ย ๆ ที่ เ ป็ น ล บ “

ตอนนั่งจิบกาแฟตอนเช้า ก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่พาดหัวข่าว เกี่ยวกับ ” อ า ช ญ า ก ร ร ม “พอขับรถไปทำงาน

ก็ได้ยินเสียงวิทยุ กำลังรายงานข่าวเศรษฐกิจแย่ๆ ให้ฟังตลอดทางที่ขับไปพักเที่ยงกินข้าว

ก็นั่งจับกลุ่ม นิ น ท า เจ้านาย และเพื่อนร่วมงานที่ไม่ชอบกันพอกลับมาถึงบ้านเปิดทีวีดูละคร ก็มีแต่เรื่อง “ต บ ตี แ ย่ ง ส า มี กั น”

แล้วพอเข้านอน ก็เริ่มคิดขึ้นมาว่า “ทำไมไม่มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับฉันบ้าง…?”คุณลองคิดดูสิว่า เวลาทั้งวันของคุณ

คุณเปิดรับแต่สิ่งแย่ๆ เรื่องราวแย่ๆเข้ามาในความคิดของคุณคุณปล่อยให้พลังงานทางลบ

เข้ามาวนเวียน และรายล้อมคุณ จนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

ซิก ซิกล่าร์ ปรมาจารย์ด้านความสำเร็จระดับโลก ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้เขาถามว่า…

“คุณจะยอมให้ใครก็ไม่รู้ เดินเข้ามาในบ้านแล้วทิ้ง ข ย ะ ถุงใหญ่ไว้ในบ้านเรามั้ย…?”

คงไม่มีใครตอบว่ายอมหรอกนะ แน่นอนทุกคนก็ต้องตอบว่า…ไม่ กันเป็นแถว

ถ้าคุณไม่ยอมให้ใครเอา ข ย ะ มาทิ้งในบ้านคุณแล้วทำไมคุณถึงยังยอมให้ใครก็ไม่รู้

เอาเรื่องแย่ๆมาทิ้งไว้ในจิตใจคุณอยู่ลองเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมรอบตัวใหม่ เริ่มจากตื่นมาตอนเช้า

เปิดเพลงปลุกพลังสักหน่อยก่อนออกจากบ้าน หันไปยิ้มให้ตัวเองในกระจก

แล้วพูดว่า “ วันนี้จะมีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นกับฉันบ้างนะ..? ”

เมื่อไปถึงที่ทำงาน ก็อยู่ให้ห่างจากคนที่พากันจับกลุ่ม นิ น ท า หรือเอาแต่บ่นๆซะตั้งใจทำงาน

และหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอย่ างเต็มที่ และมีความสุขกลับมาถึงบ้าน ออกกำลังกายสักนิด เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง

ทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย อ่านหนังสือที่จะเป็นการพัฒนาความสามารถตัวเองหากเราอย ากมีสุขภาพที่ดี

เราก็ยังพิถีพิถันเลือกอาหาร ที่จะเอามาใส่ปากหากเราอย ากมีชีวิตที่ดี

มีคุณภาพ เราก็ต้องพิถีพิถัน เลือกสิ่งที่จะเข้าไปอยู่ในความคิดของเราเช่นกัน

” ชั่วโมงแรก “ กับ ” ชั่วโมงสุดท้าย “ ของแต่ละวัน… สำคัญมากชั่วโมงแรก : จะเป็นดังหางเสือที่กำหนดอารมณ์ของวันนั้นชั่วโมง

สุดท้าย : จะเป็นตัวสรุปเรื่องราวของทั้งวันนั้นถ้าเราใช้กาแฟปลุกสมอง ถ้าเราใช้อาหารปลุกร่างกาย

เราก็ต้องใช้เรื่องราวดีๆ ในตอนเช้าปลุกพลังใจให้ตัวเองด้วยคนที่มองโลก “ ในแง่ดี ” เหมือนพระอาทิตย์เดินไปทางไหน

“ ส่องสว่าง ” ไปถึงนั่นคนที่มองโลก “ ในแง่ ร้ า ย ” เหมือนพระจันทร์เว้าแหว่งตาม “ ข้างขึ้นข้างแรม ”

ไม่ใช่โลกนี้… ขาดแสงสว่าง แต่เพราะ…คุณเอาแต่ “ หลับตา ” จึงมองไม่เห็นคนที่มองโลกในแง่ดี…

เห็นโอกาสในวิกฤติคนที่มองโลกในแง่ ร้ า ย… เห็นวิกฤติเป็นสิ้นหวังคนที่มองโลกในแง่ดี… เปลี่ยนเรื่อง ร้ า ย ให้เป็นดี

คนที่มองโลกในแง่ ร้ า ย… ทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่คนที่มองโลกในแง่ดี…

หาทางออกเมื่อเจอปัญหาคนที่มองโลกในแง่ ร้ า ย… ชี้ปัญหาแต่ไม่มองหาทางออก


ที่มา : bitcoretech
ยิ่งฉันเข้าใจบทความนี้ ฉันก็เริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น ยิ่งฉันเข้าใจบทความนี้ ฉันก็เริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น Reviewed by Dusita Srikhamwong on พฤษภาคม 21, 2563 Rating: 5


ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.