5 ดอกไม้กินได้ ลวกจิ้มน้ำพริกต่างๆ ชุปแป้งทอด อร่อยหยิบเพลิน พร้อมวิธีการกินอย่างถูกต้อง

5 ดอกไม้กินได้ ลวกจิ้มน้ำพริกต่างๆ ชุปแป้งทอด อร่อยหยิบเพลิน พร้อมวิธีการกินอย่างถูกต้อง

ดอกไม้ นอกจากจะมีสีสันสวยงามยังสามารถนำมาตัดแปลงทำเป็นอาหารได้ ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน แถมดอกไม้บางชนิดยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย ซึ่งคนไทยนิยมนำมาลวกจิ้มน้ำพริกต่างๆ ชุปแป้งทอด ยำ และต้มทำแกง แต่หากนำมาปรุงอย่างผิดวิธีหรือกินแบบผิดๆจะเป็นพิษได้เช่นกัน

วิธีปรุงอาหารให้เหมาะสมกับดอกไม้แต่ละชนิดมาให้แล้ว

ดอกเข็ม ใช้ทำอาหารได้เกือบทุกสี ยกเว้นสีขาวที่มีสารคล้ายไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อคน ส่วนดอกเข็มสีอื่นๆก่อนนำมาบริโภคควรทำความสะอาดโดยเฉพาะคั่วดอก เพราะจะมีฝุ่นละอองสะสมอยู่มาก ดอกเข็มมีรสมัน ปรุงอาหารได้หลากหลาย เช่นยำ ชุบแป้งทอด หรือกินสดๆคู่กับน้ำพริกได้

ดอกกุหลาบ/กลีบกุหลาบ เมื่อนำมาประกอบเป็นอาหารต้องกลบด้วยมะนาว เกลือ เพื่อให้หายฝาด เหมาะกับนำไปชุปแป้งทอด หรือใส่ในยำ

ดอกอัญชัน เป็นดอกไม้สารพัดประโยชน์ เพราะนำเอาดอกไปคั้นน้ำได้สีน้ำเงินเข้มใช้เป็นสีผสมอาหาร เพื่อทำไปประกอบอาหารหรือทำขนมต่างๆ นอกจากนี้ดอกอัญชันยังสามารถกินสดๆ จิ้มน้ำพริกได้รสอร่อยออกหวาน ไม่ขม

ดอกลีลาวดีสีขาว หรือ ลั่นทม ควรเก็บกินเฉพาะดอกที่ร่วงหล่นจากต้นในทันที ไม่ควรเด็ดกินจากกิ่งเพราะยางไม้มีพิษ ส่วนดอกที่ร่วงข้ามวันก็ไม่ควรนำมาปรุงอาหารเพราะกลีบดอกจะเหนียวไม่น่ารับประทาน ส่วนใหญ่จะรับประทานเฉพาะกลีบดอกจะมีรสมัน เหมาะกับชุปแป้งทอด

ดอกโสน เป็นดอกไม้พื้นบ้าน ที่นำไปทำอาหารได้สารพัด ทั้งลวกจิ้มน้ำพริก ใส่ในแกงส้ม หรือไข่เจียว อีกทั้งยังใช้ทำ “ขนมดอกโสน” ขนมไทยๆ ที่ใช้ดอกโสนสดๆ ผสมแป้งข้าวเหนียวนำไปนึ่ง แล้วโรยด้วยมะพร้าวขูดและน้ำตาล

คำเตือน  อาหารทุกชนิดมีทั้งประโยชน์และโทษดอกไม้เองก็เช่นกัน 

- ก่อนจะบริโภคดอกไม้ใด ควรศึกษาหาคุณสมบัติ วิธีปรุง ให้ได้เสียก่อน

- เลือกต้นที่ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ถ้าเป็นดอกไม้ที่ปลูกเองดูแลเองก็ยิ่งปลอดภัย

- หากรับประทานเข้าไปแล้วเกิดอาการแพ้ ควรหยุดรับประทาน

- ดอกยี่โถ ดอกชวนชม ดอกบานบุรี ดอกราตรี ดอกเข็มขาว ดอกเข็มอินเดีย ดอกรัก ดอกราตรี ฯลฯ ล้วนแล้วแต่มีพิษ ไม่ควรนำมากิน


ขอบคุณข้อมูล จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ / สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) / ข่าวสดออนไลน์ / ผู้จัดการออนไลน์
ที่มา...https://noonid.dit.go.th/KnowledgeDetailUI.aspx?KnowledgeID=38