ผักขี้หูด “วาซาบิเมืองไทย” ยอดอ่อน ฝักอ่อน ลวกกินกับน้ำพริกช่วยละลายนิ่ว แก้อาหารไม่ย่อย
ผักขี้หูด ไชโป้วหางหนู (Rat-tailed Radish) ถูกพบมากที่สุดในอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเชื่อว่ามีต้นกำเนิดในประเทศจีน ส่วนในไทยพบมากในภาคเหนือที่นิยมเก็บฝักอ่อนหรือยอดอ่อนมาประกอบอาหาร
ผักขี้หูด ไชโป้วหางหนู ผักเปิ๊ก ผักกาดแซ (ผักกาดที่มีกลิ่นฉุนแรง) มีชื่อวิทยาศาสตร์ : Raphanus sativus Linn. อยู่ในวงศ์ : CRUCIFERAE เป็นพืชล้มลุกปีเดียว ต้นขึ้นเป็นกอเหมือนกับผักกาดเขียว มีลักษณะขอดเป็นปุ่ม ๆ ยาวตลอดทั้งฝัก ชาวบ้านจึงนำลักษณะของผักชนิดนี้มาตั้งชื่อว่า “ผักขี้หูด” และด้วยความที่ว่ามีกลิ่นฉุน ผักขี้หูดจึงได้รับฉายานามว่าเป็น “วาซาบิเมืองไทย”
ผักขี้หูด ชอบขึ้นในที่มีอากาศหนาวเย็นหรือที่มีความชุ่มชื้น หาพบในภาคอื่นได้น้อยมาก ส่วนทางภาคอีสานก็พบได้เฉพาะบนภูสูงเท่านั้น ดังนั้นผักชนิดนี้จึงเป็นที่รู้จักและใช้กันอย่างกว้างขวางทางภาคเหนือ
ประโยชน์ของผักขี้หูด
1. ใบดิบ และผลดิบเมื่อรับประทานจะมีรสเผ็ด และมีกลิ่นฉุนคล้ายวาซาบิ แต่เมื่อทำสุกจะออกรสหวานมัน จึงนิยมนำมารับประทานดิบหรือลวกคู่กับน้ำพริก
2. ใบอ่อน ยอดอ่อน และฝักอ่อน นิยมเก็บมาทำอาหารจำพวกแกง และผัดต่างๆ อาทิ แกงเลียง แกงส้ม ผัดฝักผักขี้หูด เป็นต้น
3.ใบอ่อน ยอดอ่อน และดอกอ่อน นำมาทำผักดอง ด้วยการนำมาคั้นหรือขยำกับเกลือ และน้ำซาวข้าว ก่อนใส่กระปุกดองไว้รับประทาน
4. ฝักดิบแก่หรือฝักแห้งนำมาต้มน้ำสำหรับฉีดพ่นในแปลงผัก ช่วยไล่แมลง ป้องกันแมลงหรือหนอนกัดกินพืชผัก
สรรพคุณของผักขี้หูด
ฝักและใบช่วยทำให้เจริญอาหาร (ใบ, ฝัก)
เนื่องจากผักขี้หูดมีกลิ่นฉุน จึงนิยมนำไปใช้เป็นยาสมุนไพรแก้หวัด (ฝัก)
ช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย (ใบ, ฝัก)
ช่วยละลายนิ่ว (ใบ, ฝัก)
ดอกเป็นยาช่วยขับน้ำดี (ดอก)
ตำรับยาพื้นบ้านล้านนาจะใช้ประโยชน์เช่นเดียวกับผักกาดหัวหรือหัวไชเท้า
ผักขี้หูด “วาซาบิเมืองไทย” ยอดอ่อน ฝักอ่อน ลวกกินกับน้ำพริกช่วยละลายนิ่ว แก้อาหารไม่ย่อย
Reviewed by Dusita Srikhamwong
on
สิงหาคม 05, 2562
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: